อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(2) วันที่ 15 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(2) วันที่ 15 พ.ย. 56

พระวันเฉลิมเห็นกระเป๋าตังค์ตกอยู่ที่พื้น จึงเดินไปเก็บขึ้นมา
"ของใคร"
"ไม่ใช่ของผม ของไอ้บ้านั่นแหละ"
นักศึกษาพากันแยกย้ายสลายตัวเข้าเรียน พระวันเฉลิม มองกระเป๋าอยู่ที่เท้า กระเป๋าเปิดเผยให้เห็นบัตรนักศึกษาที่มีชื่อ นามสกุล พระวันเฉลิมชะงัก มองตามอภิชาติไป

มุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย อภิชาติที่นั่งก้มหน้า ไม่คิดแม้แต่จะเช็ดเลือดบนหน้า พระวันเฉลิมก้าวเข้ามาและยื่นกระเป๋าเงินคืนให้อภิชาติ
"ของคุณ"


อภิชาตดึงกระเป๋าเงินไปจากมือพระวันเฉลิม
"ที่นี่เป็นสถาบันการศึกษา คุณเมาเหล้ามาเรียนหนังสือก็นับว่าแย่แล้ว ยังก่อการทะเลาะวิวาทอีก"
"ก็ทำเรื่อง ไล่ออกซะเลยสิ ผมก็ไม่ได้อยากเรียนนักหรอก"
"คุณทุกข์ใจอะไรนักหนา คุณอภิชาติ"
"คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง อ้อ..แอบเปิดดูในกระเป๋าละสิ"
"เพื่อนคุณเค้าบอก บ้านคุณฐานะก็ร่ำรวย ทำไมคุณถึงทำตัวตกต่ำสร้างปัญหาแบบนี้"
"มันเรื่องของผม"
"คุณไม่คิดว่า พ่อแม่คุณเขาจะเสียใจเหรอ ที่คุณทำตัวอย่างนี้"
"ไม่สำคัญหรอก ผมมันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขา ผมมันก็แค่กาฝากตัวนึง ที่เขาจะเหยียบย่ำดูถูกยังไงก็ได้"
"พระพุทธเจ้ายังโดนเหยียบย่ำดูถูกเลย นับภาษาอะไรกับคน"
"ท่านจะมาสอนอะไรผมเนี่ย"
"คิดถึงป๊าของคุณให้มากๆ คุณเป็นลูกชายคนเดียวของเขา เป็นความหวังของตระกูลแท้ ๆ คุณกลับทำให้เขาผิดหวัง ทำให้คนที่เกลียดคุณ อิจฉาคุณ สมน้ำหน้าเอาได้"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นลูกชายคนเดียว คุณพูดเหมือนรู้จักผมดี คุณเป็นใครกันแน่"
"ผมชื่อวันเฉลิม บ้านอยู่ฝั่งธน ในซอยหลังโรงงานกาละมังเคลือบ ผมรู้จักป๊าของคุณ"
"ถ้ายังงั้น คุณก็ต้องรู้ว่า สันดานผมมันเป็นยังงี๊ ก็เพราะเลือดแม่ผมมันแรง ผมมันมีแต่เลือดชั่วๆของแม่"
ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ อภิชาตสะเทือนใจตัวเอง น้ำตาคลอ แต่ก็ฝืนสลัดไล่มันทิ้ง พระวันเฉลิมสะเทือนใจ แต่ก็ยินดีที่อภิชาตเปิดใจออกแล้ว
"แล้วไง"
"ผมโดนพวกพี่สาวล้อมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
อภิชาติน้ำตาร่วงแล้วพูดต่ออย่างอัดอั้น
"พวกเขาพูดกรอกหูผมทุกวันว่า ผมมันไม่ใช่สายเลือด เดียวกับเค้า ผมมันเป็นลูกอีผู้หญิงบ้า ขี้เมา เอาแต่เล่นการพนัน จนขายลูกกิน ตอนเด็กๆ ผมเคยเอาก้อนหินขว้างใส่คนบ้าคนหนึ่งที่มานอนหน้าโรงงานป๊า คนบ้าคนนั้นละแม่ผม ผมเป็นลูกคนบ้าลูกอีขี้เมา"
"ลูกคนบ้า ลูกคนขี้เมาจะเป็นอันธพาลต่อยตีกับชาวบ้าน เรียนไม่จบโดนไล่ออก อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ สร้างความวุ่นวายให้กับพ่อ หรือจะเป็นคนที่ตั้งใจเรียน เรียนจบแล้วช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน จนร่ำรวยมั่งคั่ง สร้างความภูมิใจให้กับพ่อเค้าก็เป็นลูกคนบ้าคนขี้เมาอยู่ดี อยู่ที่เค้าเลือกจะเป็นลูกคนบ้า คนขี้เมาที่เป็นนักบุญ หรือลูกคนบ้าคนขี้เมาที่เป็นโจร"

พระวันเฉลิมปล่อยให้อภิชาติระบาย ความทุกข์ในใจออกมาจนหมด อภิชาติร้องไห้อย่างเจ็บปวด เจ็บแค้น กดดัน พระวันเฉลิมเอื้อมมือไปที่บ่าของอภิชาติอย่างให้กำลังใจ
"คุณมีทางเลือกสองทาง ถ้าอยากให้คนที่เขาเกลียดคุณ หัวเราะเยาะคุณตลอดไป คุณก็ทำตัวอย่างที่ทำนี่แหละ แต่ถ้าคุณอยากให้พวกเขาหุบปากหน้าม้านไปเอง คุณต้องพิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็นว่า คุณก็มีดี ประสบความสำเร็จทั้งการเรียน และงานที่ทำ อดีตที่มาของคนเรา ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันหรอก คุณอภิชาติ"
พระวันเฉลิมเดินจากมา

พระวันเฉลิมกำลังลองสวมรองเท้าหนังใหม่เอี่ยมอยู่
"ใส่สบายดี ฝีมือดี นี่สู้รองเท้ายี่ห้อดัง ๆ ได้สบายเลยนะเหน่ง"
"คู่นี้ผมให้หลวงพี่วัน"
"เอาเก็บไว้ขายเถอะ พี่มีรองเท้าแล้วตั้งสองคู่"
"แต่สีน้ำตาล พี่ยังไม่มี ผมรู้"
"เหน่งมันตั้งอกตั้งใจเย็บให้โดยเฉพาะเลย อย่าขัดศรัทธามันเลยท่าน" ปานบอก
"ตกลง ขอบใจมากนะเหน่ง"
เหน่งยื่นเงินปึกนึงให้พระวันเฉลิม
"อะไร"
"เงินที่หลวงพี่วันให้ผมยืมมาไงครับ"
"เหน่งเก็บเอาไว้เถอะ"
"ไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็ต้องคืน ตอนนี้ผมไม่ต้องรับจ้างเถ้าแก่ฮวดแล้ว ผมมีร้านเป็นของตัวเองแล้ว เสาร์อาทิตย์ ก็ไปขายตลาดนัดด้วย ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะหลวงพี่วัน"
"ก็เก็บไว้ทำทุนต่อสิเหน่ง ซื้อเครื่องจักรเพิ่ม จ้างคนงานเพิ่มก็ได้"
"พี่ช่วยผมมามากพอแล้ว พี่เลี้ยงผมป้อนข้าวป้อนน้ำผมมาแต่เล็ก พี่ชี้ทางอนาคตให้ผม จนผมมีวันนี้ได้ ถึงเวลาที่ผมต้องตอบแทนพี่บ้างแล้วครับ"
"ถ้าอยากตอบแทนก็เอาเงินไปซื้ออุปกรณ์เพิ่ม จะได้ช่วยคนที่เค้าตกงานได้มีงานทำ ช่วยให้เขามีค่าน้ำค่าไฟของครอบครัวเค้า ก็เป็นไปได้"
เหน่งมองยิ้มพระวันเฉลิม
"สาธุครับ"

สันต์ , เทวี ยิ้มปลื้มใจดูหนังสือ "พระพุทธเจ้าของหนู" กันอยู่
"หนังสือได้รางวัลรองชนะเลิศการประกวดหนังสือเยาวชน" สันต์ว่า
"อาตมาขอหนังสือจากสำนักพิมพ์มาได้จำนวนนึง อยากฝากอาเทวีเอาไปแจกจ่ายตามห้องสมุดโรงเรียนด้วยครับ"
"ยินดีจ๊ะ อาจะช่วยเอาไปแจกให้หนังสือดี ๆ อย่างนี้ เด็ก ๆ ควรจะได้อ่าน"
ปั้นบอก
"เดี๋ยวนี้ คนในซอยนี้มีแต่สอนลูกสอนหลานให้เป็นคนดี ขยันเรียนหนังสือ จะได้เหมือนหลานย่าปั้น"
"คุณแม่ภูมิใจจังเลยนะคะ"
"ภูมิใจที่สุดในชีวิตเชียวละ ถึงต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว"

ภายในมหาวิทยาลัย พระวันเฉลิมคุยกับสมฤดีเรื่องเอาหนังสือไปช่วยบริจาคเสร็จแล้ว ก็หิ้วกระเป๋าลงจากตึก และพบอภิชาติยืนคอยอยู่แล้ว
"ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"
วันเฉลิมเดินตามอภิชาติมาถึงมุมสงบ
"ทำไมคุณไม่ยอมบอกแต่แรกว่าคุณเป็นใคร ถึงได้รู้จักผมดีขนาดนี้"
"มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย"
"ทำไมจะไม่สำคัญ ในเมื่อผมรู้แล้วว่า คุณคือพี่ชายแท้ๆ ของผม"
"แสดงว่าคุณได้คุยกับป๊าของคุณแล้ว"
"ผมเก็บคำพูดคุณกลับไปคิดอยู่หลายวัน จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจเข้าไปคุยกับป๊าอย่างเปิดอก ป๊าบอกให้ผมเลิกน้อยใจในชาติกำเนิดตัวเอง เพราะป๊ารักลูกทุกๆคนเท่าๆกัน ป๊าถึงกับบอกว่า ฟ้าส่งคุณมาโปรดผม ชีวิตคุณลำบากกว่าผมหลายร้อยเท่า แต่คุณก็เอาตัวรอดได้จนได้ดิบได้ดีอย่างทุกวันนี้ แถมยังมาช่วยให้ผมตาสว่างพ้นจากหายนะอีกด้วย ป๊าฝากขอบใจคุณมาด้วยที่ไม่ลืมผม"
"ฟ้าไม่ได้ส่งผมมาโปรดคุณหรอก แต่เพราะคุณมีวาสนาร่วมกับผมมาแต่กาลก่อน ที่สำคัญ คุณเป็นคนที่ผึกหัดได้ คุณมีปัญญาพิจารณาผิดชอบชั่วดีได้ด้วยตัวคุณเอง"
"ผมขอเรียกคุณว่าพี่ได้ไหม ให้ผมได้อุ่นใจว่า ผมไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่บนโลกนี้ตามลำพัง"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
"พี่วัน"
อภิชาติกับพระวันเฉลิมกอดกันแน่น อภิชาตินองน้ำตา ตื้นตันใจ
"พี่วันเล่าเรื่องแม่ให้ผมฟังบ้างได้ไหม ผมไม่เคยมีภาพของแม่ในความทรงจำของผมเลย นอกจากผู้หญิงขี้เมา หยาบคาย เนื้อตัวสกปรก แล้วก็เป็นบ้า อย่างที่ใคร ๆ กรอกหูผมมา"
"ใครจะพูดยังไงก็ช่างเขา แต่สำหรับพี่ที่อยู่กับแม่มาตั้งแต่เกิด ได้ดูแลแม่จนนาทีสุดท้ายของชีวิต...แม่เป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในสายตาพี่ ต่อให้แม่เป็นอะไรยังไง แม่ก็คือผู้หญิงที่มีพระคุณสูงสุด เพราะแม่คือ ผู้ให้กำเนิดเรา สัตว์โลกที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎนี้ กี่ภพ กี่ชาติกันที่จะมีบุญพอที่จะได้เกิดเป็นคน ระลึกไว้เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว"
อภิชาติสงบนิ่งเหมือนดวงตา และดวงใจ ได้เปิดรับสิ่งใหม่ที่ดีงามหมดจด พระวันเฉลิมเอื้อมแขนมาโอบไหล่อภิชาติไว้

อภิชาติยิ้มตอบอย่างตื้นตัน หัวใจพิสุทธิ์
ในเวลาต่อมา เหน่งรีบกระหืด กระหอบเข้ามาที่เรือนแพ
"หลวงพี่วันให้คนไปตามผม มีอะไรรึเปล่า ใครเป็นอะไร"
"ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก พี่แค่ต้องตามเหน่งมาให้รู้จักใครคนนึง"
พระวันเฉลิมโอบไหล่เหน่งพามาเผชิญหน้าอภิชาต
"เหน่ง...นี่เฮียเต็ง ชื่อจริง ชื่ออภิชาติ"
เหน่งไหว้อภิชาติทันทีไม่ต้องรอให้แนะนำมากมาย อภิชาติรับไหว้แทบไม่ทัน
"สวัสดีครับ เฮียเป็นเพื่อนพี่วันเหรอครับ"
จิตรา, ลำยง, ลำดวน หัวเราะ จนเหน่งงง
"ไม่ใช่ อาเต็งเขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่ เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเหน่ง"
"พี่พูดยังไง ผมงง งง จริงๆๆนะเนี่ย"
"ไม่ต้องงงหรอก แค่เรามีแม่คนเดียวกัน แม่ลำยองไงเหน่ง" อภิชาติบอก
"นี่ นี่ผมมีพี่ชายอีกคนเหรอครับเนี่ย"
พระวันเฉลิมยิ้มพยักหน้า
"โคตรอบอุ่นเลย พวกเรานี่ครอบครัวใหญ่เหมือนกันนะพี่วัน"
"เมื่อกี้พี่บอกทุกคนไป พี่อยากบอกเหน่งอีกที ป๊าพี่พอมีฐานะ ถ้าพวกเรามีปัญหา พี่อยากดูแลอยากช่วยเหลือนะ"
"เริ่มจากวันนี้พาไปดูหนังเลยมั้ยพี่"
ทุกคนหัวเราะกัน บรรยากาศดี สดชื่น อภิชาติเข้ากับน้องๆทุกคนได้อย่างรวดเร็ว พระวันเฉลิมพลอยอิ่มอกอิ่มใจไปด้วย
พระวันเฉลิมประคองพาปั้น จะพากลับขึ้นไปพักผ่อนข้างบน ปั้นหันกลับมามองอีกครั้ง เพราะเสียง หัวเราะเฮฮา ทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวฉลองกัน บรรยากาศอบอุ่น ดูเป็นครอบครัวใหญ่ที่แน่นแฟ้น
"โยมย่าจะนั่งต่อก็ได้นี่ครับ"
"ไม่ละ ย่าคุยไม่ทันเด็กสมัยนี้แล้ว เอนหลังดีกว่า...พ่อวัน"
"ครับโยมย่า"
"ถ้าแม่พ่อวันเขายังอยู่ เขาคงปลื้มใจไม่น้อยนะที่เห็นลูก ๆ รักใครกลมเกลียวกันยังงี้ รักกันให้มาก ๆ ยังงี้ตลอดไปนะลูก ยังไงก็สายเลือดเดียวกัน"
"ครับโยมย่า"
วันเฉลิมพาปั้นขึ้นบันได

บรรยากาศในวงอาหารเวลาต่อมา เต็มไปด้วยความครึกครื้น อ้อยโม้แต่เรื่องทำไข่เค็มของตนไม่ยอมหยุด
บริเวณลานวัด ร่มรื่น พระวันเฉลิมลาสมฤดี สันต์ และเทวีเพื่อไปอินเดียตามจุดมุ่งหมาย

ใจกลางเมืองพาราณสี พระวันเฉลิมเดินแสวงบุญปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนอันหลากหลาย บนท้องถนน รถหรูอย่างมหาราชาแล่นปะปนกับรถโกโรโกโส มีพวกคนไร้บ้านนอนอยู่ข้างถนน กลุ่มขอทานรุมวิงวอนขอเงินจากนักท่องเที่ยว
"คุณค่าของการเดินทางมิได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง เพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่ระหว่างทางของการเดินทางมากกว่า ยิ่งเดินทางด้วยการเดินเท้าเราจะพบเจอสิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่เคยได้สัมผัส ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่สถานที่ต่างๆ หากแต่อยู่ที่ผู้คนที่เราได้พบต่างหาก เราได้สำรวจตัวเองอย่างละเอียดลออ เมื่อเหนื่อยล้า ก็ได้สัมผัสถึงความเหนื่อยล้าแทบขาดใจ เมื่อหิวก็ได้สัมผัสถึงความหิว จนเกิดความรู้สึก ว่าคนเรานี้หนอเกิดมาเพื่อหวังสิ่งใดกันแน่ เพียงปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิตยังมิเพียงพอกันอีกหรือ ตะเกียกตะกายทุรนทุรายไปเพื่อสิ่งใด หลายครั้งที่น้ำดื่มเพียงอึกเดียว จากคนที่เราไม่เคยรู้จัก ก็ทำให้ซาบซึ้งถึงน้ำใจอันแสนบริสุทธิ์จากเพื่อนร่วมโลก ในสังคมที่วุ่นวาย สิ่งที่หล่อเลี้ยงที่ทำให้โลกนี้ปกติสุขได้ก็คือ ความรักและเมตตาธรรมโดยแท้"
ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ชาวฮินดูสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า วิงวอนด้วยการบูชาไฟ มีผู้คนมากมายอาบน้ำด้วยความศรัทธา เด็กแรกเกิดถูกจับอาบน้ำในแม่น้ำสายศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คนแก่สวดมนตร์อยู่ที่ริมแม่น้ำด้วยความหวังและศรัทธา มีโยคีฝึกโยคะบำเพ็ญเพียรอยู่ริมฝั่ง มิใช่เพียงสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏ ณ สถานที่แห่งนี้ ยังมีศพของคนตายที่ถูกห่อด้วยเสื่อ มีคนแบกมาตามซอกตึกเพื่อลงมาเผาที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคานี้ เชื่อกันว่า แม่น้ำคงคาที่มีจุดเริ่มต้นจากมุ่นมวยผมของพระศิวะนี้ ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถล้างบาปได้

"ด้วยหัวใจของชาวพุทธ การได้มาสัมผัสสองฝั่งแม่คงคา ทำให้ดวงตาของเราสว่างขึ้น เราเข้าใจแล้วว่า ทำไมเจ้าชายสิทธัตถะ จึงเสด็จออกบวช ทั้งที่เสวยสุขในพระราชวังมาแต่ประสูติ เราเข้าใจแล้วว่า ทำไมชมพูทวีปแห่งนี้จึงทำให้เกิดศาสดามากมายหลายองค์นัก และศาสดายังถือกำเนิดในดินแดนแห่งนี้อีกต่อไปหลายองค์"

มุมสูงขึ้นไปจากแม่น้ำคงคาแห่งนี้ พระวันเฉลิมกำลังนั่งเขียนสมุดบันทึก ถึงเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้พบเธอและกระทบความรู้สึก
"ปัจจัยสี่ ของมนุษย์ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค.. แม้เมื่อเราเป็นเด็ก อยู่กับแม่ ผู้มัวเมาในอบายมุข ถึงจะยากจนข้นแค้น ยังไง เราก็ยังมี ปัจจัยทั้งสี่นั้น และยังสามารถ มีปัจจัยที่ห้าได้ด้วย นั่นคือ การศึกษา แต่มนุษย์ร่วมโลกตาดำ ๆ เหล่านี้มีอะไรบ้าง ที่นอนริมถนนน้ำครำ อาหารที่วันทั้งวันอาจจะมีแต่น้ำ ทั้งสัปดาห์ มีอาหารเต็มอิ่มเพียงมื้อเดียว เครื่องนุ่งห่มมีผ้าเตียวเพียงผืนเดียวตลอดชีวิต ยารักษาโรคไม่ต้องพูดถึง"

ภาพขอทาน คนไร้บ้าน กรรมกร ที่ได้เห็นช่างขัดแย้งกับภาพที่ได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง ... โรงแรมหรูหรา ร้านแมคโดนัล ร้านกาแฟสตาร์บัค ร้านอัญมณี เครื่องเพชร ร้านทองที่แสนจะฟู่ฟ่า
พระวันเฉลิมดื่มด่ำไปกับความจริงของชีวิต สงบนิ่ง ภายในเบิกบานด้วยปัญญา เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยแท้

"เราได้เห็น บรรดาเศรษฐี ดารา ผู้มีอันจะกินห่มส่าหรีไหมราคาแพงลิบ อาหารคำหนึ่งที่เข้าปาก บุคคลเหล่านี้ ราคาอาจเท่ากับราคาอาหารตลอดเดือนของคนจนคนหนึ่ง ภาพความน่าสลดหดหู่เหล่านี้ฝังแน่นเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจเรา...โลกนี้ ช่างเต็มไปด้วยความมืดสลัว และมนุษย์ผู้ทุกข์มากจริงหนอ แต่เมื่อเทียบกับความทุกข์ยากที่เราได้ผจญมา และคิดว่าตัวเอง น่าสังเวชหนักหนามันเป็นเพียงภัสมธุลี เมื่อเทียบกับความทุกข์ทั้งมวลในโลกยากไร้ใบนี้"

พระวันเฉลิม กราบพระประธานในเมืองพาราณสี ภาพพิธีเผาศพที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคายังติดตา วันนั้น ท่านยืนปลงตกอยู่ที่แม่น้ำสายนั้นจนพระอาทิตย์ตกดิน

"จุดสุดท้ายของชีวิตก็คือความตาย ยากดีมีจน อย่างไรก็ไม่มีใครหนีพ้น เราเองคงไม่อาจเป็นศาสดา หรือเป็นนักบวชที่แท้จริงได้แน่แล้ว เพราะเพียงภาพความตายที่ได้เห็นก็ทำให้หัวใจเศร้าหมอง ไม่อาจรู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ เช่นพระบรมศาสดาผู้ประเสริฐ เราคงไม่อาจช่วยดึง ผู้ใดให้พ้นอบายได้ หากแม้นอยู่ในผ้าเหลืองต่อไป ก็มีแต่ต้องทับถมภาระให้ญาติผู้ใหญ่และพี่น้องเปล่าๆ"

เมื่อกลับเมืองไทย พระวันเฉลิมได้เข้ากราบพระประธานเพื่อลาสิกขา เจ้าอาวาสทำพิธีปลดผ้าเหลืองที่ครองอยู่ออกจากกาย
"ตัวเราเองยกสูงขึ้นไปในฐานะผู้ทรงศีล อาศัยผ้าเหลือง ว่าได้สร้างกุศลไถ่บาปให้แม่
ให้ใครต่อใครได้ชื่นชมว่าอยู่ในพระศาสนา ช่วยเผยแพร่สัจธรรมของพระพุทธองค์ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้ช่วยอะไรใครได้เลย...เป็นได้แต่ภาระอีกภาระหนึ่งของทุก คน"

วันเฉลิมในชุดฆราวาสกราบลาพระประธาน เดินออกจากโบสถ์ เห็นสิ่งปลูกสร้างทางสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ อลังการ แต่ว่าดูแห้งแล้งขาดจิตวิญญาณ บางมุมในวัดเห็นกองพระพุทธธูปชำรุด คอหัก แขนขาด กุมารทอง นางกวักและรูปเคารพแปลกๆ พวงมาลัยพลาสติกสีสด ซากธูปเทียนที่จุดบูชากำใหญ่
"ยิ่งเห็นศาสนสถานใหญ่โต ก็ยิ่งหดหู่ หัวใจของพระศาสนาอยู่ที่ไหนกันแน่...พระธรรมคำสอนขององค์ศาสดามิใช่หรือที่ จะช่วยให้จิตสงบและช่วยฝูงชนผู้ทุกข์ยากได้ สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่อลังการไม่สามารถช่วยให้พ้นทุกข์ได้เลย..เราเข้าใจ ว่าไม่มีใคร ห้ามศรัทธาของผู้คนได้ ศรัทธาของคนสิ้นหวัง ซึ่งสองมือไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว แม้เพียงท่อนไม้ลอยน้ำมา ก็ต้องฉวยคว้าไว้"

วันเฉลิมรู้จักตัวเอง รู้เท่าทันกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ซื่อสัตย์ต่อสำนึกภายในใจ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการกลับมาใช้ชีวิตฆราวาสในโลกโลกียะ

********อวาน********

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(2) วันที่ 15 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(1) วันที่ 15 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(1) วันที่ 15 พ.ย. 56

ทางด้านจิตรายังนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่สบตาใครเหมือนเคย เทวีนั่งใกล้กับสันต์
"อาว่าถึงเวลาที่หนูต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนอะไรต่อ" เทวีบอก
"คิดให้ดี ๆ จิตรา เรียนอะไรที่เป็นอาชีพได้...ทำมาหากินได้ น่าจะดีที่สุด" สันต์บอก
"หนูไม่รู้"
ปั้นถาม

"ก็ไหนเอ็งว่าครูเอ็งเขาว่า เอ็งน่าจะเรียนพยาบาลไง"
"หนูไม่รู้...หนูว่าหนูคงทนเรียนไม่ได้"


"ทำไมล่ะจิตรา"
"หนูเกลียดคนป่วย บ้านนี้มีแต่คนป่วย ไหนจะแม่ ไหนจะตา พี่อ้อยอีก หนูเกลียด"
พระวันเฉลิมนิ่งอึ้ง
"แม่นอนครางเป็นบ้า น้ำเหลืองเต็มตัว กลิ่นน้ำเหลือง กลิ่นขี้ กลิ่นเยี่ยว มันติดจมูกหนูมาจนถึงวันนี้ ถ้าหนูต้องเรียนพยาบาล หนูคงเป็นพยาบาลที่แย่ที่สุด"
พระวันเฉลิมมองน้องอย่างเห็นใจ ปั้นเอื้อมมือมาลูบหลังจิตราปลอบใจ
"งั้นเรียนครูดีไหมจิตรา" เทวีถาม
"หนูไม่รู้"
ทุกคนเหมือนจะจนใจ ไม่รู้จะโน้มน้าวยังไงแล้ว
พระวันเฉลิมบอก
"โลกใบนี้มีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมายมหาศาล หลายสิ่งอยู่ไกลตัวเราเกินไป แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ อยู่รอบๆตัวเรามันจะเกิดจากความขี้เกียจที่จะรู้ ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ สอนให้เรารู้ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครสอนให้เรารู้ได้คือ ตัวเราเอง หนูพยายามที่จะไม่…. พยายามที่จะไม่เข้าใจตัวเอง"
"หนูเกลียดแม่"
"หนูเกลียดแม่ เพราะแม่เป็นแบบนั้น เพราะเพื่อนล้อ หนูไม่ได้เกลียดแม่จริง เพราะตอนแม่ป่วยหนูยังเด็ก หนูจำอะไรไม่ได้หรอก หนูเป็นทุกข์เพราะยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เพื่อนล้อต่างหากล่ะ"
"หนูควรจะทำอย่างไรค่ะ"
"ที่เมืองเมืองนึง มีลิงเยอะมาก ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้านเพราะชอบขโมยผลไม้ในสวนพอจะไล่จับลิง ลิงก็ปีนต้นไม้หนีได้อย่างรวดเร็ว ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ ซึ่งมีฝา เจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกล่องมีถั่ว ซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางเป็นเหยื่อล่อไว้ ลิงพอมาที่สวน เห็นถั่วในกล่อง เอามือหยิบถั่ว แต่พอเอามือออกมาก็ติดอยู่ในกล่อง เพราะกำมือของลิงที่กำถั่วไว้ใหญ่กว่ารูที่ฝากล่อง ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก ชาวบ้านก็เข้ามาจับ ลิงจะหนีก็หนีไม่ได้ เพราะมีมือข้างเดียว หนูว่าลิงจะหนีได้ต้องทำอย่างไร"
"คลายมือที่กำถั่วออกก็หนีได้แล้วค่ะ"
"เพียงแค่คลายสิ่งที่ยึดติดออกซะบ้าง ปัญหาก็จะคลี่คลาย เค้าเรียกว่าปล่อยวาง บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว"
"เรียนครูก็ดีนะจิตรา ครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติเพราะต้องแบกภาระในการอบรมสั่งสอนเด็ก ๆ ที่เป็นอนาคตของชาติให้เป็นคนดีของสังคม เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเพื่อคนอื่นไม่แพ้อาชีพอื่นหรอก เรียนครูดีนะจิตรา ครูจะสอนให้หลุดพ้นจากคำว่าไม่รู้ .เหมือนหนูไง"
จิตราที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองพระหลวงพี่อย่างเชื่อฟัง

สีหน้าพระวันเฉลิมเต็มไปด้วยความเมตตา
ภายในบ้านยายแลที่เหน่งเข้ามาอยู่ เริ่มทำกิจการรองเท้า เหน่งเอารองเท้ามาวาง ปานเดินเข้ามาค่อยๆเปิดประตู ชะโงกมอง เหน่งเดินมาเห็น
"มาหาใครครับ"
ปานมองรองเท้า
"ใส่ไม่ได้หรอกครับ มันยังทำไม่เสร็จ"
"บ้านยัยแลใช่มั๊ย"
"รู้จักยายด้วยเหรอครับ"
ปานมองอ้อยกับเหน่ง
"ยายตายแล้วครับ ตาตายก่อน แล้วยายก็ตายตาม"
"แม่ พ่อ"
เหน่งงง
"พี่เป็นใครเนี่ย"

พระวันเฉลิมดีใจที่ปานพ้นโทษออกมา
"น้าปานเป็นน้องแม่น่ะเหน่ง สวัสดีโยมน้าปาน"
"ไอ้วัน นี่เอ็งหรอวะ นี่เอ็งบวชไม่สึกเลยหรอวะเนี่ย"
"พูดกับพระอยู่นะน้า" เหน่งบอก
ปานยกมือไหว้
"เออ ขอโทษครับ อยู่คุกมานาน อย่าถือสาคนพึ่งออกจากคุกเลยครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกโยมน้า เหน่งเป็นน้องของอาตมาเป็นลูกของโยมแม่อีกคน โยมแม่เสียชีวิตแล้วครับ โยมน้าปาน"
"อะไรมันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ"
"เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีใครเอาชนะธรรมชาติได้หรอกโยมน้า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม"
"น้าทำกรรมไว้กับคนอื่นเยอะ ชาตินี้คงชดใช้ไม่หมด ออกจากคุกมา 3 เดือนกว่าแล้ว ไม่กล้ากลับบ้าน หางานทำแต่พอเค้ารู้ว่าออกจากคุกก็ไม่รับ เคยคิดจะไปปล้นเค้าอีก พอนึกถึงความโหดร้ายที่เคยเจอในคุก ก็ทำให้ขยาดกลัว ไม่กล้าละ เลยตัดใจกลับมาบ้าน ว่าจะมาพึ่งพ่อพึ่งแม่ แกก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้จะทำยังไง"
"โยมน้าปานได้เข้าใจถึงความกลัวที่จะทำบาปแล้ว สาธุ เหน่ง เห็นบ่นว่างานเยอะทำไม่ทันใช่มั้ย"
"ครับหลวงพี่"
พระยิ้มมอง ปานยิ้ม
"ขอบใจนะ เออ แล้วนี่พี่ลำยงกับพี่ลำดวนไปอยู่ไหนล่ะ"

พระเดินนำหน้ามา ลำดวน ลำยง ชุด ขายของอยู่
"โยมน้าครับ มีคนมาหา"
ลำยงเงยหน้าจำน้องชายได้

"ไอ้ปาน"
บนกุฏิหลวงตาปิ่น เทวีถามพระวันเฉลิม
"ท่านจะไม่รอให้มหาวิทยาลัยทางโน้นตอบรับกลับมาก่อน ค่อยเดินทางไปเหรอเจ้าคะ"
"อาตมาคงไม่รอหรอกโยม ในเมื่อตั้งใจจะไปแล้ว ถึงทางมหาลัย เขาจะไม่รับอาตมาเข้าเรียนก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย อาตมาก็ขอให้ได้ไปเห็นกับตาว่าประเทศอินเดียเป็นยังไง"
สันต์หยิบซองปัจจัยขึ้นมาจบจะถวาย
"พ่อขอถวายปัจจัยช่วยค่าใช้จ่ายท่านนะครับ"
พระทอดผ้าลงรับปัจจัย
"ค่าใช้จ่ายที่โน่นคงไม่สูงมาก ผมกะว่าลงเครื่องบินที่กัลกัตตาแล้วจะใช้เดินเท้าเป็นหลัก ผมอยากเห็น อยากสัมผัสผู้คนให้ได้มากที่สุด"
"ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับ"
"โยมพ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ เป้าหมายของผมคืออะไร"

บ้านยัยแลดูสะอาดสะอ้านขึ้น เพราะกลายเป็น โรงงานขนาดเล็ก เย็บเครื่องหนัง มีสินค้าบางส่วนแขวนโชว์ขายหน้าร้านด้วย ปานเป็นลูกมือช่วยเหน่งอย่างขมีขมัน พระวันเฉลิมยื่นเงินปึกนึงให้เหน่ง
"เงินอะไรครับ"
"หลวงพี่ให้เหน่งไว้ทำทุน จะได้ซื้อจักรเย็บตัวใหม่ ซื้อเครื่องมือ ซื้อหนังมาเย็บเอง ไม่ต้องรับจ้างเถ้าแก่ฮวดเขาอย่างเดียว เหน่งเป็นคนมีฝีมือ น่าจะสร้างอะไร ๆ เป็นของตัวเองได้แล้ว"
"ผมเกรงใจครับ หลวงพี่ นี่มันน้ำพักน้ำแรงของหลวงพี่"
"รับไปเถอะ หลวงพี่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หลวงพี่อยากขอบใจเหน่งด้วยซ้ำไป ที่อย่างน้อยก็รับน้าปานมาอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นแกคงเคว้งคว้าง"
เหน่งไหว้พระวันเฉลิมและรับเงินมา
"ขอบคุณครับหลวงพี่วัน"
"วันที่เหน่งประสบความสำเร็จนั่นแหละ จะเป็นวันที่หลวงพี่มีความสุขที่สุด สร้างตัวเองให้แข็งแรง วันข้างหน้าเหน่งจะได้เป็นที่พึ่งของคนอื่นต่อไป"

ยายวิมลพาสมฤดีมาถวายสังฆทานที่วัด วิมล สมฤดีกราบพระวันเฉลิมที่นั่งมอง
"หนูสมเรียนจบแล้วค่ะ มาถึงก็รีบไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยเลย" วิมลบอก
"ดิฉันได้ทุนจากมหาวิทยาลัยไปเรียนต่อ เลยต้องกลับมาใช้ทุนที่นี่ล่ะค่ะ วันแรกที่ต้องไปรายงานตัว แต่พอดีอาจารย์ที่นั่นต้องย้ายออก เลยได้สอนแทนตั้งแต่วันแรก เลยยังไม่ได้มากราบท่านสักที"
"บ่นทุกวันว่าอยากมาหาท่าน เนี่ยก็เพิ่งมีโอกาส"
"ครูเป็นอาชีพของคนมีบุญนะโยม สอนคนได้แต่บุญ คุณโยมสมฤดีคอยทำบุญตักบาตรตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ต้องเป็นครูที่ดีได้แน่ อาตมาอนุโมทนาสาธุด้วย"
"ที่ว่าท่านเขียนหนังสืออยู่ เสร็จหรือยังคะ" วิมลถาม
"เสร็จแล้ว อาตมาส่งให้ทางสำนักพิมพ์พิจารณา เขาตีกลับมา อย่างว่าเค้าไม่แน่ใจว่า จะมีคนซื้อหรือเปล่า"
"ใจร้ายจัง"
"ตั้งแต่เด็ก อาตมาโตด้วยนิทานของหลวงตา อยู่อย่างมีสติและรู้ตัวได้ เพราะนิทานของหลวงตากลั่นเกลาจิตใจเอาไว้ อาตมาเลยเขียนนิทานที่สอดแทรกธรรมะ คำสอนของศาสดา พระพุทธเจ้าที่อ่านเข้าใจง่าย ให้เด็กได้อ่านกัน"
"สาธุ เป็นบุญของเด็ก ๆ ที่จะได้อ่าน"

"ดิฉันรู้จักโรงพิมพ์ที่พิมพ์ตำราให้ที่มหาวิทยาลัย ถ้าเอางานไปให้เขาดู เขาน่าจะสนใจนะคะ"
พระวันเฉลิมมาบอกเรื่องเขียนหนังสือกับสันต์และเทวี

"โรงพิมพ์พวกนี้ เค้าไม่สนใจเรื่องว่าจะขายได้ไม่ได้ ถ้าเป็นตำราหรือหนังสือไขความรู้ เค้าพิมพ์ให้หมดละค่ะ" เทวีบอก
"อย่างไรเด็กๆที่อ่านหนังสือ อาจจะเป็นแสงสว่างเล็กๆให้กับเค้าได้ เวลาที่เจออุปสรรค จะได้มีทางออก"
"หนูสมก็ได้บุญไปด้วยนะ" สันต์บอก
"พิมพ์แล้วย่าขออ่านเล่มนะคะ คนแก่อ่านได้รึป่าว" ปั้นว่า
"ได้ครับโยมย่า อ้อ...โยมน้าเทวีครับ โยมสมฤดีชวนผมไปสอนวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัย ผมควรไปมั้ยครับ"
"ก็ดีนะคะ"

ทางเดินมหาวิทยาลัย วันใหม่ พระวันเฉลิมขอบคุณสมฤดีที่ชวนมาเป็นอาจารย์ พระวันเฉลิมเริ่มต้นสอนหนังสือนักศึกษาปริญญาตรี และเย็นวันนั้นเอง ...
อภิชาติถูกต่อยล้มลงกับพื้นอย่างแรง อภิชาติในอาการเมานิดๆ บ้าเลือดลุกขึ้นมาได้ก็โถมเข้าใส่คู่กรณีอย่างบ้าคลั่งอย่างมวยวัด ทั้งสองฝ่ายซัดกันนัวเนีย สาว ๆ ตกใจถอยหนีกันกระเจิง คนอื่น ๆ ไม่มีใครคิดจะขัดขวางการทะเลาะเบาะแว้ง
พระวันเฉลิมผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี รีบเข้ามา
"หยุดเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุด ใครก็ได้ไปตามเจ้าหน้าที่มา"
คู่กรณีผละออกจากอภิชาตที่นอนคลุกฝุ่น หมดสภาพ
"พวกคุณ นักศึกษาปริญญาตรีใช่ไหม"
แต่ละคนหน้าจ๋อยยอมรับโดยปริยาย
"น่าละอายที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา ไม่สมกับเป็นผู้ได้รับการศึกษาเลย"
คู่กรณีบอก
"ไอ้หมอนั่นมันเป็นคนเริ่มก่อน ถ้าท่านจะตำหนิก็ต้องตำหนิมันโน่นครับ"
อภิชาติเสื้อแสงหลุดลุ่ย กระดุมเสื้อขาด เนื้อตัวมอมแมมไม่แพ้แผลบนหน้า ลุกขึ้นทุลักทุเล แล้วเดินเซออกไป วันเฉลิมมองตามอภิชาติ
นักศึกษาหญิงบอก
"เขาเมา เธอไปถือสาทำไม"
"หมั่นไส้มันมานานแล้ว มันนึกว่ามันเป็นลูกคนรวยแล้วไง"
พระวันเฉลิมเห็นกระเป๋าตังค์ตกอยู่ที่พื้น จึงเดินไปเก็บขึ้นมา
"ของใคร"
"ไม่ใช่ของผม ของไอ้บ้านั่นแหละ"

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า ตอนอวสาน(1) วันที่ 15 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14/2 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14/2 พ.ย. 56

"ตื่นคนรึไงมึง หูตึงไปเลย"
อ้อยยิ้มท่าทางมีความสุข
"มาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จะไปไหนก็ไปไป"
ลูกค้าเข้ามาซื้อขนม ลำดวนหันกลับไปวุ่นวายกับการขายของ อ้อยเดินออกไปปะปนกับผู้คน

มุมหนึ่งในวัด อ้อยเดินตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศงานวัด บริเวณซุ้มยิงปืน ตุ๊กตาโดนยิงล้ม
อ้อยโผล่เข้ามาดูอย่างสนใจ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยิงปืน ได้รางวัลเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงน่ารัก วัยรุ่นเกี่ยงกันรับตุ๊กตา จนตุ๊กตาหล่นลงพื้นตรงหน้า อ้อยเก็บตุ๊กตาขึ้นมา ยิ้มดีใจเปิดเผย กลุ่มวัยรุ่นสะกิดกันอย่างมีนัย


"มาเที่ยวคนเดียวเหรอน้อง"
อ้อยพยักหน้า รู้สึกอายจังที่มีคนหล่อคุยด้วย อ้อยเสียดายตุ๊กตาอย่างเห็นได้ชัด กอดเอาไว้แน่น
ยายแลในสภาพไม่ค่อยแข็งแรง เดินมาถึงร้านลำดวน ลำดวนขายข้าวต้มมัดลูกค้ามือเป็นระวิง
"ขายดีนี่หว่า ลำดวน"
"รู้งี้ทำมาเยอะกว่านี้ก็ดี"
"อ้าวแล้วนี่นังอ้อยมันไปไหน"
"มันก็คงเดินอยู่แถวนี้แหละแม่"
"เอ็งปล่อยมันไกลหูไกลตาได้ยังไง"

"มันคงไม่โง่ขนาดกลับมาไม่ถูกหรอกแม่"
แลเดินมองหาอ้อย เห็นหลานจะตามผู้ชายแต่ละคนไป บางคนมากับแฟนไม่สนใจ บางคนมาทำแหย่อ้อย
"นังอ้อย"

วันใหม่ ปั้นอึ้งงันหลังจากได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนมองไปที่อ้อยที่นอนเอกเขนกฟังละครวิทยุ อารมณ์เพ้อฝันอยู่ ยายแลส่ายหน้า
"ลำดวนเอ๊ย เอ็งคอยดูมันหน่อย พอเย็นๆข้ากลับจากวัด จะมาเอามันไปนอนที่บ้านด้วย"
ลำดวนบ่น
"แม่ วันๆฉันก็ขายของไม่มีว่าง"
ลำยงบอก
"เออ มันก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นนี่หว่า ลำดวน ช่วยๆ กันมันไม่หนักหนาหรอก แม่ก็ไม่ค่อยสบาย ห่วงตัวเองบ้างหละ"
"ข้าก็อดห่วงหลานๆมันไม่ได้"
ยายแลมองอ้อย
"เลือดแม่มันแรง อีกหน่อยก็คงเจริญรอยตามกัน"
ปั้นห้าม
"อย่าพูดอย่างนั้นยัยแล ลำยองมันก็ตายไปนานแล้ว เราอย่าเอาบาปไปป้ายให้เด็กมันเลย ฉันว่าประวัติศาสตร์มันไม่มีทางซ้ำรอยหรอก ถ้าเราคอยดูแลอ้อยมันดีๆ อย่าปล่อยให้ไกลหูไกลตา ยังไงก็กันเอาไว้ดีกว่า แก้ทีหลัง"
ปั้นหันมองอ้อยที่กรี๊ดกร๊าดกับเจ้าชายในฝันในละครวิทยุ

พระวันเฉลิมเดินเข้ามาเหน่ง
"ทำอะไรล่ะเหน่ง"
"เย็บรองเท้าครับหลวงพี่"
"ของมันเก่ามากแล้ว เราพอมีตังค์ทำไมไม่ซื้อใหม่ล่ะ"
"หลวงตาสอนว่าเราอย่ายึดติด และท่านเล่าว่า ตอนหลวงพี่เด็กๆ รองเท้าหลวงพี่เก่ามาก แต่ก็ยังไปไหนมาไหนด้วยรองเท้าเก่าๆคู่เดียว ไอ้คู่นี้ยังพอใส่ได้ ผมก็เลยซ่อมใส่ไปก่อนครับ"
พระวันเฉลิมดูแล้วยิ้ม
"ฝีมือดีนี่...ชอบทำงานฝีมือนะเรา"
"ทำแล้วเพลินดีครับ"
"ดีแล้ว ชอบทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ความจริง เหน่งไปเรียนต่อสายอาชีวะก็ดีนะ เรียนประกอบอาชีพโดยตรง วันข้างหน้าก็ทำกิจการของตนเอง จะได้เลี้ยงชีพได้"
เหน่งเหมือนถูกจุดประกายความคิด หูตาบรรเจิดขึ้น
"หลวงพี่ว่าผมจะทำได้จริงๆเหรอครับ"
"ขอให้ตั้งใจแน่แน่ว ไม่มีอะไรที่เหน่งจะทำไม่ได้หรอก"

ลำยงบอกพระวันเฉลิม
"วันๆมันก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องมันแหละเจ้าค่ะ ไม่รู้ทำอะไรของมันนักหนา"
พระนั่งบนเก้าอี้ ปั้นนั่งพื้น
ลำยงเดินไปตะโกนเรียกที่ตีนบันได
"จิตรา ได้ยินไหมวะเนี่ย พระหลวงพี่ท่านมาหา"
จิตราเดินลงมาหน้าตาไม่มีความสุข
"กว่าจะเสร็จลงมาได้"
พระมองน้องสาวอย่างเมตตา จิตราไหว้พระ แล้วนั่งก้มหน้าก้มตา
"จะจบมอศอสามแล้ว จิตราคิดเอาไว้รึยังจะเรียนอะไรต่อ"
"ไม่รู้"
"จิตราคิดว่าตัวเองชอบทางไหนล่ะ"
"ไม่รู้"
"เอ๊ะนังคนนี้อะไรก็ไม่รู้ๆ ซักอย่าง หลวงพี่ท่านอุตส่าห์เป็นห่วงมาถามไถ่อนาคตของตัวเองแท้ๆนะโว้ย" ลำยงว่า
"ก็หนูไม่รู้จะเรียนไปทำไม เรียนไปมันก็เท่านั้น เอาดีอะไรไม่ได้หรอก นอกจากไปเป็นคนงานในโรงงานแถวนี้"
"ก็ถ้าเอ็งมีวิชาความรู้ติดตัว มีทางเลือกไม่ต้องไปเป็นคนงานเขาไง" ปั้นบอก
จิตราก้มหน้านิ่ง
"แล้วได้คุยกับเพื่อนๆบ้างไหม ว่าใครจะเรียนต่ออะไร"
"ลูกอีผู้หญิงขี้เมา เอาแต่เล่นไพ่ หลายผัวจนเป็นบ้าอย่างหนู หลวงพี่คิดว่ายังจะมีใครหน้าไหนคบเป็นเพื่อนอีกเหรอ"
พระวันเฉลิมอึ้งเมื่อรู้ความในใจน้อง จิตรายกมือไหว้พระ แล้วลุกเดินจากไปทันที
"มีแต่คนล้อมันเรื่องแม่ มันถึงไม่คบใครเลยเจ้าค่ะท่าน"
"เวรกรรมแท้ๆ" ปั้นรำพึง

สีหน้าพระมีความกังวล
ยามดึก อ้อยแอบย่องออกจากมุ้ง ออกไปนอกบ้าน เดินตามมองผู้ชาย และเข้าไปร่วมในซุ้มรำวง ยายแลเดินเข้ามาเรียกอ้อย เงียบจนน่าแปลกใจ ยายแลรีบเปิดไฟสว่างขึ้น จึงได้เห็นประตูเปิดอ้าทิ้งไว้ ยายแล ตามหาอ้อย ในมุมต่างๆของวัดที่ยังมีงานรื่นเริงอยู่จนเหนื่อยอ่อน
"นังอ้อย นังอ้อย"
ยายแลมองหาไปจนทั่วแทบถอดใจ แล้วเห็นอ้อยอยู่ในซุ้มรำวง

เรือนแพปั้น เวลากลางคืน ทุกคนกลุ้ม
"ดีนะที่แกตามไปทัน ไม่งั้นล่ะก็..." ปั้นว่า
"เห็นเงาแม่มันเลยนะเนี่ย" ลำดวนบอก
"ข้าละกลุ้มใจจริงๆ ไม่รู้มันจะแอบหนีไปอีกเมื่อไหร่ แล้วถ้าไม่มีใครตามไปเจอมันล่ะ"
"ก็มันว่างจัดไง มันถึงหมกมุ่นแต่เรื่องผู้ชาย" ลำยงบอก
"งั้นก็หาอะไรให้มันทำ" ปั้นว่า
"ก็ดีนะมีอะไรทำก็จะได้ไม่ว่าง" แลบอก
ลำดวนถาม
"แล้วจะให้มันทำอะไรดีล่ะแม่"
ขณะที่ทุกคนกำลังกลุ้มใจ แต่อ้อยกินไข่เค็ม
"อร่อยจังเลย อร่อย ๆ ๆ"

เช้าวันใหม่ พระวันเฉลิมเดินบิณฑบาตมาจนถึงหน้าบ้าน ยายแลห่มผ้าขาวม้าหน้าตาอิดโรยเป็นไข้รอใส่บาตรอยู่ ยายแลใส่บาตรพระจนเสร็จ พระให้พร พระเดินจากไป
ยายแลขยับลุกขึ้นอย่างลำบาก เพราะปวดข้อปวดกระดูก อาการหน้ามืดจู่โจมกะทันหัน จนเซและล้มลงหมดสติ ขันข้าวตักบาตรกลิ้งโค่โร่ พระเดินจากไปไกลลิบ

พระวันเฉลิมดูแล หลวงตาฉันเช้าเสร็จ
"ขอบใจท่านมากนะ อุตส่าห์ดูแลหลวงตามาตั้งหลายปี"
"หลวงตาเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก เท่าที่ผมตอบแทนหลวงตามันยังน้อยกินไปด้วยซ้ำครับ"
"ฝากด้วยนะท่าน นับวันสังคมมันก็ย่ำแย่ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ทางไหนที่จะช่วยกันประคับประคองจิตใจเด็ก ๆ รอบ ๆ วัดนี้ไม่ให้หลงไปในทางที่ผิดได้ ท่านก็ช่วยด้วยเถอะ ให้เด็ก ๆ ได้เห็นด้วยปัญญาว่า วิถีแห่งพุทธะคือหนทางแห่งความสุขสงบโดยแท้"
"หลวงตาไม่ต้องห่วงหรอกครับ หลวงตาเลี้ยงดูสั่งสอนผมมายังไง ผมก็จะทำอย่างนั้นครับ"
"แล้วเจ้าเหน่งไปไหนละเนี่ย"
หลวงตาปิ่นยิ้มอย่างหมดกังวล
พระวันเฉลิม เดินมาที่ครัวเห็นเหน่งนั่งร้องไห้
"เหน่งเป็นอะไร"
"มีคนมาบอกโยมยายตายแล้วครับ"
"ปลงซะเถอะเหน่ง เกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาของโลกไม่มีใครหนีพ้น ไม่เว้นแต่ตัวเรา"
พระวันเฉลิมปลงตกเห็นเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาโลก

เรือนแพปั้น ไข่เป็ดดิบถูกใส่ลงในโหลแก้วทีละฟอง อ้อยบรรจงเรียงไข่เป็ดใส่โหลอย่างมีสมาธิ
"ยี่สิบ ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง เมื่อกี้นับไปเท่าไรแล้วะ เอาใหม่ๆ"
อ้อยหยิบไข่เป็ดขึ้นมานับใหม่ พระวันเฉลิมยืนดูอ้อย อยู่กับลำยง ลำดวน
"มันชอบขโมยกินไข่เค็มนัก น้าก็เลยสอนให้มันทำไข่เค็มขายซะเลย มันจะได้มีรายได้เลี้ยงตัวเองด้วย มันจะได้ไม่ไปสนใจเรื่องผู้ชายให้ปวดหัว"
"น้องอ้อยท่าทางมีความสุขกับงานนี้ดีนี่ครับ"
"เดี๋ยวนี้นับเลข บวกลบเลขหลักร้อยได้แล้ว ตั้งแต่บ้าทำไข่เค็มนี่" ลำดวนบอก
"ดีแล้วละครับ ผมต้องขอบคุณน้าลำยง น้าลำดวนมากที่เมตตาน้องอ้อย"
"ยังไงมันก็หลาน อีกอย่างเห็นมันแล้วก็อดนึกถึงแม่พ่อวันไม่ได้ ถ้าเขายังอยู่ ยังไงเขาก็คงไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมหรอก"
พระวันเฉลิมเดินเข้าไปหาอ้อย
"ขายดีไหมน้องอ้อย"
"ขายดี...ไข่เค็มน้องอ้อย อร่อย ชิมไหมๆ แต่อันนี้ยังไม่เค็มต้องอันนี้"

อ้อยวิ่งมาเอาไข่เค็มไปให้พระวันเฉลิมอย่างภูมิใจนำเสนอ
วันหนึ่ง แป้งเอาของที่ได้จากการขายยามาบริจาคให้กับวัด พระวันเฉลิมมองของที่ได้มาจากเงินผิดกฎหมาย แต่พอแป้งหันหลังจะกลับ มีเสียงปืนดัง แป้งถูกมือปืนยิงตายดับอนาถ ต่อหน้าพระวันเฉลิม พระได้แต่ปลงและแผ่เมตตาให้

ทางด้านจิตรายังนั่งก้มหน้านิ่ง ไม่สบตาใครเหมือนเคย เทวีนั่งใกล้กับสันต์
"อาว่าถึงเวลาที่หนูต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนอะไรต่อ" เทวีบอก

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14/2 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14 พ.ย. 56

"นิมนต์ด้วยค่ะหลวงพี่"
พระหยุดคอยที่หน้าบ้าน ก้มหน้าอย่างสงบเคร่งครัด สมฤดีพาวิมลออกมา ตักบาตรจนเสร็จ
พระให้พร
"หนูสมเขากำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกานะคะท่าน"
"ไปเข้ามหาวิทยาลัยที่โน่นหรือไงโยม"

"ค่ะ หลวงพี่ ดิฉันจะไปอยู่กับคุณพ่อ ท่านได้ทุนวิจัยไปค้นคว้างานอยู่ที่โน่นหลายปีแล้วค่ะ"
"อีกหลายปีสินะ กว่าจะได้กลับเมืองไทย หรือว่าโยมตั้งใจจะตั้งรกรากที่โน่นเลย"


"ไม่หรอกค่ะหลวงพี่ เรียนจบดิฉันก็จะกลับบ้าน บ้านดิฉันคือเมืองไทยค่ะ"
พระพยักหน้ารับรู้นิ่งๆแล้วเดินต่อไป
ผ่านเวลาไปนานเกือบ 15 ปี เย็นวันนี้จะมีงานวัด ชาวบ้านเดินเข้ามาในศาลาใหญ่ พระวันเฉลิมในวัย 25 ปีนั่งบนธรรมมาสน์ ชาวบ้านใบหน้ายิ้มแย้มต่างนั่งพนมมือตั้งใจฟังเทศน์มหาชาติ
ผ่านเวลาหลังพระเทศน์จบ ชาวบ้านต่างแยกย้ายกลับไป วิมลขยับเข้ามาถวายสังฆทาน
"หลวงตาท่านเป็นยังไงบ้างเจ้าค่ะท่าน"
"ท่านเดินไม่ไหวแล้ว โยมคุณยาย ต้องกระถดเอา จะเข้าห้องน้ำก็ต้องช่วยกันประคองแต่สุขภาพทางอื่นท่านไม่มีปัญหาอะไร สายตากับความจำท่านดีมากครับ"
"นับว่าท่านมีบุญนะเจ้าคะ"
"หลวงตาท่านพูดเสมอว่าท่านไม่ต้องการเป็นภาระของใครครับ"
"สาธุ ขอให้ท่านแข็งแรงอยู่ไปนาน ๆ จะได้เป็นที่พึ่งของเด็ก ๆ แถวนี้นะเจ้าคะ"
"นี่คุณโยมสมฤดียังไม่กลับจากอเมริกาเหรอครับ"
"เจ้าค่ะ นี่ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว หนูสมเธอบอกว่ากลับมาอยากเป็นอาจารย์"
พระยิ้มน้อยๆภาคภูมิใจในสิ่งที่สมฤดีคิดช่วยเหลือสังคม

ยายแล ผมขาว กินหมาก ฟันดำ สภาพแก่มาก เดินหลังค่อมผ่านชีวิตที่เหนื่อยล้ากำลังถูพื้น เก็บของที่ครัวอย่างตั้งอกตั้งใจ พระวันเฉลิมเดินเข้ามา มองยายอย่างพอใจ
"เหนื่อยก็พักบ้างเถอะโยมยาย"
ยายแลหันมา ยกมือไหว้พระ
"อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว ไม่เหนื่อยหรอกเจ้าค่ะ"
"หักโหมเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพนะครับโยมยาย"
"ทั้งชีวิตที่ผ่านมา อิฉันปล่อยเวลาให้มันผ่านไปอย่างไม่มีประโยชน์อะไรเลย อิฉันอยากจะชดเชยเวลาที่หายไปเจ้าค่ะ จะให้ไปนั่งภาวนาอย่างคนอื่นเขาอิฉันคงไม่มีปัญญา"
"การทำงานทุกอย่างอย่างมีสติ ก็เท่ากับได้ฝึกปฏิบัติธรรมแล้วละโยมยาย"
"สาธุ .ตะก่อนมาวัด อิฉันแค่มาบนบาลศาลกล่าวขอให้ตัวเองถูกหวยรวยเบอร์ แต่ตอนนี้อิฉันรู้แล้วว่า อิฉันต้องการอะไร อย่างที่ท่านสอนน่ะแหละเจ้าค่ะ บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป ไม่มีทางหักกลบลบหนี้กันได้ แต่เวลาที่เหลือน้อยนิดของอิฉัน อิฉันขออุทิศให้พระศาสนาเจ้าค่ะ"
"อนุโมทนา โยมยาย"
สันต์, เทวีเดินเข้ามา ไหว้แล และไหว้พระ
"ใกล้สอบแล้วใช่ไหมครับท่าน"
"ครับ จบมหาจุฬาแล้ว ถ้าไม่มีอะไรให้ห่วง ผมกะว่าจะไปเรียนต่อทีอินเดีย"
"สาธุ" เทวีบอก
"ผมอยากรู้อยากเห็นให้แน่ใจ หลวงพี่อาจารย์ภาษาอังกฤษผมท่านแนะนำว่า ถ้าผมได้อยู่อินเดียสักปีสองปีผมจะรู้ซึ้งแก่นของพระศาสนา ผมจะได้รู้แน่แก่ใจว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงตรัสรู้ที่นั้น และนรกที่ผมเคยอยู่ที่ห้องแถวนั้น ที่แท้ยังไม่ใช่นรกแต่เป็นโลกธรรมดา ๆ บนแดนดิน แม้จะไม่เคยเห็นสวรรค์แต่ชีวิตเป็นสุขของผมเมื่อเล็ก ๆ ที่แท้แล้วเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีความทุกข์ทรมานอะไรจะมาแผ้วพานผมได้อีก ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่ผมจะเรียนรู้ได้เท่าที่นั่น"
"พ่อขออนุโมทนากับท่านด้วย"
กิจการเรือนปั้นขยายใหญ่ ปั้นวางมือปล่อยให้ ลำยงค้าขาย ลูกค้าผลัดกันแวะมาซื้อของ ลำดวน กับ ชุดวิ่งวุ่น ลำดวนยังขี้บ่นเหมือนเดิม และโวยวายมาก ไม่ต่างจากยายแลในอดีต
อ้อยที่เป็นสาวเต็มที่โผล่หน้าออกมาว๊อบแว๊บหลบๆซ่อนๆเขินอาย ปั้น คุยกับพระวันเฉลิมอยู่
"มันก็พอช่วยงานเล็กๆน้อยๆได้เจ้าค่ะ หยิบของขายลูกค้า คิดเงิน ทอนเงินน้อยๆพอได้อยู่ แต่เลขหลักสิบน่ะไม่แน่ใจหรอกเจ้าค่ะ คิดผิดทุกที"
ลำยงเดินออกมาพอดี เห็นอ้อยทำคิกคัก ลับๆล่อๆ
"มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้วะนังอ้อย"
"หล่อจังเลย หล่อๆๆ หล่อจริงๆ"
"อะไรของเอ็ง"
อ้อยปิดเขินไปทั้งตัว ลำยงมองตามสายตาอ้อย จึงได้เห็นพระ
"ปัดโธ่อีนังคนนี้ ไปกราบพระหลวงพี่ท่านรึยัง"
อ้อยยิ้มหน้าแดง ส่ายหน้า ลำยงลากแขนอ้อยออกมาไหว้พระ อ้อยหลบหลังลำยง แต่อารมณ์บนหน้าเก็บไม่มิด
"โยมน้องอ้อย"
อ้อยสะดุ้งหัวใจลิงโลด
"จ๋า"
"อยู่ที่นี่ช่วยโยมน้าขายของนะ"
"จ้ะ"
พระอุ้มบาตรเดินจากไป อ้อยยั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
"เอ็งเป็นอะไร นังอ้อย" ปั้นถาม
อ้อยกุมนมข้างซ้าย
"ในนี้มันเต้น มันเต้นแร๊งแรง"
ปั้นแปลกใจ
"มันยังไงของมันวะ นังคนนี้"
"สงสัยมันแน่นอก" ลำดวนบอก
"ต้องยกออก นั่นด้วย ยกออกมาเลย" ชุดบอก
ชุดไม่ได้คุยกับลำดวน แต่บอกลูกค้าให้ยกถังออกมาเลย

บนกุฏิ เด็กๆ 5-6 คนนั่งฟังนิทานชาดกจากหลวงตาปิ่นกันอย่างตั้งอกตั้งใจ นิทานเรื่องพญาช้างเผือกเลี้ยงแม่จบลง
"นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความกตัญญูต่อพ่อแม่ นำความสุขความเจริญและเป็นเกราะป้องกันภัยให้เราได้เสมอ"
เด็กๆ บอก
"เอาอีก หลวงตาเล่าอีก"
เหน่งเดินเข้ามาบอก
"พอแล้ว วันนี้หลวงตาเหนื่อยแล้ว วันหลังค่อยมาฟังต่อ ไปช่วยกันเก็บขยะรอบๆวัดก่อนไป" เด็กๆพากันออกไป หลวงตาปิ่นเหยียดขาด้วยความปวดเมื่อย
"หลวงตาพักบ้างเถอะครับ เดี๋ยวก็ไม่สบายไปอีก นิทงนิทานไม่ต้องเล่าแล้ว เหนื่อยเปล่าๆ"
"ไอ้เหน่ง เอ็งมาบังคับหลวงตายังงี้ ก็เท่ากับบังคับไม่ให้หลวงตาหายใจนั่นแหละ"
"ผมไม่ได้พูดยังนั้นซะหน่อย หลวงตา"
"เอ็งฟังให้ดีๆ ในเมื่อหลวงตายังทำประโยชน์ได้ หลวงตาก็จะทำต่อไป เอ็งจะมาบังคับให้หลวงตานั่งๆ นอนๆ เหมือนผักหญ้าหมาหมูไม่ได้หรอกโว้ย"
"นิทานหลวงตา เด็กพวกนั้นมันฟังรู้เรื่องรึเปล่าก็ไม่รู้"
"ไม่รู้เรื่องแล้วมันจะนั่งฟังกันจนจบเหรอวะ"
พระวันเฉลิมบอก
"เหน่ง ยังไงก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปวิ่งเล่นมั่วสุมกันเล่นการพนัน ทอยกอง ล้อต๊อกมันไม่ดีหรอก อย่างน้อย นิทานของหลวงตาก็ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้ดีขึ้นนะ"
หลวงตาปิ่นบอก
"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก จะสร้างคนให้เป็นคนเต็มคน มันก็ต้องสร้างกันตั้งแต่เป็นเด็กๆนี่แหละ เดี๋ยวนี้คนเป็นพ่อแม่มันมีเวลาอบรมกันซะที่ไหน อ้างแต่ต้องทำมาหากิน ขอบใจเอ็งที่เป็นห่วงหลวงตา แต่ให้อยู่ว่างๆ เฉยๆ มันรำคาญว่ะ จะนอนอะไรนักหนา นอนทุกคืนมาชั่วชีวิตแล้ว อีกไม่นานก็จะนอนตลอดกาล แล้วจะรีบร้อนพักผ่อนไปทำไม ยังไงๆ ก็ได้นอนไม่ตื่นฟื้นไม่มี กันทุกคนแหละน่า"
เหน่งออกจะใจเสีย ที่หลวงตามามุขนี้ พระวันเฉลิมเข้าใจหลวงตาดี

ชุดขูดมะพร้าวมือเป็นระวิง ลำดวนฉีกใบตองเตรียมใช้ห่อข้าวต้มมัด ลำยงเตรียมกล้วยน้ำว้า อ้อยทำลับๆล่อๆ แกะไข่เค็มสุก กินไข่แดงอย่างเอร็ดอร่อย
"นังอ้อย" ลำดวนเรียกเสียงดัง
อ้อยสะดุ้งสุดตัว ไข่เค็มหลุดมือร่วงลงพื้น แต่ไข่แดงคาเต็มปาก
"เอาอีกแล้วนะเอ็ง ขโมยกินไข่เค็มอีกแล้ว มันอร่อยนักหนารึไงวะนังอ้อย ของซื้อของขายนะโว้ย ทุนหายกำไรหดหมด"
"ช่างหัวมันเหอะ ฟองสองฟองจะเป็นไรไป" ลำยงบอก
"มันควักกินแต่ไข่แดง ไข่ขาวมันทิ้ง เสียของน่ะสิ"
"ไข่แดงอร่อย ไข่ขาวไม่อร่อย"
"ทำงานให้มันคุ้มกับที่กินหน่อยโว้ยนังอ้อย มาช่วยฉีกใบตองนี่" ลำดวนบอก
อ้อยขยับมานั่งเผละลงข้างลำดวน แหกแข้งขา เห็นไปถึงไหนต่อไหน
"เฮ้ยๆ นั่งให้มันดีๆ เห็นไปถึงไส้ถึงพุงหมดแล้ว"
อ้อยกระพือผ้าถุง
"ก็มันร้อน"
"ไปอยู่โรงเรียนตั้งหลายปี เขาไม่ได้สอนมันเรื่องนี้รึไงวะ" ชุดถาม
"แล้วคืนนี้ใครจะไปขายกะเอ็งลำดวน สองทุ่มข้าก็ต้องเข้านอนแล้วนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นสายแหงๆ"
"ก็ต้องเอานังอ้อยไปช่วยแหละ ไปรึเปล่านังอ้อย งานวัดคืนนี้"
อ้อยตอบแบบไม่ต้องคิดเลย
"ไปๆๆไปงานวัด"

ผ่านเวลาเย็นใกล้ค่ำ มัคทายกวัดรายงานพระ
"ชาวบ้านดีใจมีงาน ต่างมีความสุข ตั้งแต่ท่านจบเปรียญ ชาวบ้านต่างพากันเข้าวัดทำบุญมากขึ้น นี่ก็พากันดีใจที่จะมีงานวัด 7 วัน 7 คืน"
พระวันเฉลิมบอก
"การทำอะไรให้คนมีความสุข ก็ส่งผลมาถึงตัวเรานะโยม"
พระพูดจบเดินไปทางโบสถ์

เวลากลางคืน คนเดินเที่ยวงานวัดมากมาย ลำดวนแหกปากขายข้าวต้มมัด อ้อยตื่นตาตื่นใจ ผู้คนละลานตาไปหมด
"หล่อจัง คนนั้นก็หล่อ คนโน้นก็หล่อ"
"นังอ้อย หยิบถุงมา...นังอ้อย"
อ้อยมัวแต่ชะเง้อมองตามคนหล่อ ลำดวนรำคาญ จัดแจงหยิบถุงเอง ขายของลูกค้าจนเสร็จ
"ตื่นคนรึไงมึง หูตึงไปเลย"
อ้อยยิ้มท่าทางมีความสุข
"มาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จะไปไหนก็ไปไป"

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 14 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

ลำยอง ค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ยายแลยังคงนั่งเหม่อลอย น้ำตาไหล ลำยองค่อยๆตะเกียกตะกายออกจากบ้านไปอีกทาง ยายแลมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จึงไม่ทันเห็นลำยองที่เดินออกจากบ้านไป
ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แม้จะยากเย็นและเจ็บปวด

ยายแลยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สันต์เดินพาวันเฉลิมกลับจากซื้อยามาให้ลำยอง


"น้าแล น้าแล สวัสดีครับ"
ยายแลหลุดจากภวังค์
"อ้าว พ่อสันต์ ไอ้วัน กลับกันมาแล้วเหรอ"
"หมอบอกว่า จ่ายยาชุดนี้สำหรับสองอาทิตย์ แต่ก็ไม่รู้ว่า..."
" วันเข้าไปดูแม่ก่อนนะครับพ่อ"
วันเฉลิมถือถุงยาเข้าไปในบ้าน เห็นเสื่อที่ลำยองนอนว่างเปล่า วันเฉลิมรีบวิ่งออกมาหาพ่อกับยาย
"พ่อครับ ยายครับ แม่หายไป"
"ว่าไงนะ"
สันต์กับยายแลรีบวิ่งเข้ามาดู เห็นจริงอย่างที่วันเฉลิมบอก ยายแลพุ่งเข้าไปหาในห้องน้ำ และหลังครัว
"อีลำยอง"
"ลำยอง...ลำยอง"
ยายแลวิ่งกลับมา
"ไม่มีเลยพ่อสันต์ นี่นังลำยองมันหายไปไหน สภาพมันแย่ขนาดนั้นมันจะหายได้ยังไง นี่กูทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า กูทำอะไรผิดอีกไหม"
"ใจเย็นๆครับน้าแล"
วันเฉลิมร้อนใจมาก
"แล้วเราจะไปหาแม่ที่ไหนครับพ่อ แม่จะไปไหน"
สันต์ครุ่นคิด
ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมานอนบนเวทีลิเก เลือดค่อยๆซึมออกจากทวารต่างๆของตัวลำยองนอนหมดแรง น้ำตาซึมอย่างเจ็บปวด แต่นัยน์ตายังมองเวทีลิเกอย่างโหยหาวันเก่าๆ
ในอดีต แลลากลำยองที่แต่งตัวสวยเจิดจรัสเข้ามา ลำยองตามมาอย่างไม่เต็มใจนัก
"พามาดูลิเกอีกแล้วแม่ น่าเบื่อจะตาย"
"น่าเบื่ออะไรวะ สนุกออก พระเอกก็หล่อ นางเอกก็สวย" แลว่า
ลำยองเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสันต์ในวัยหนุ่มแรกรุ่นที่มาส่งปั้นดูลิเก
เธอตกหลุมรักเขาทันที ราวกับรักแรกพบ สันต์เงยหน้าขึ้นสบตา แล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ ลำยองยิ้มตอบอย่างมีความสุข

ลำยองในปัจจุบัน ยิ้มอย่างยากลำบาก น้ำตาไหล ภาพอดีตแต่ละช่วงซ้อนเข้ามา ลำยองเอาขนมครกให้สันต์ที่ท่าเรือ, ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน และ ได้เสียกันที่โรงลิเกแห่งนี้
ลำยองน้ำตาไหลพราก จนรวมกับเลือดที่ไหลออกทุกทวารของร่างกาย ตัวเกร็งด้วยความเจ็บปวดทรมาน
"แม่"
นัยน์ตาลำยองเหมือนรับรู้ ได้สติ ได้ยินเสียงลูก มือไม้ไขว่คว้า วันเฉลิมวิ่งเข้ามาประคองแม่ไว้ในอ้อมแขน สันต์เข้ามานั่งอยู่ข้างๆ
"แม่ครับ วันอยู่นี่แล้วครับแม่"
"ลำยอง"
ลำยองมองหน้าลูกชายแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองหน้าสันต์ พยายามจะพูดบางอย่างอย่างยากเย็นและแผ่วเบา
"...คะ...คะ...คิดถึง"
สันต์เอื้อมมือไปจับมือลำยองเอาไว้
"ลำยอง"
จู่ๆลำยองก็ชัก มือหงิกงอ ร่างกายกระตุกอย่างแรงในทุกส่วน เลือดกระฉอกออกจากปาก
"แม่! แม่เป็นอะไร แม่ทำใจดีๆไว้นะครับ"
วันเฉลิมล็อกตัวลำยองไว้แน่น ลำยองตาเหลือก เหลือแต่ตาขาว ร้องโหยหวนเสียงดัง วันเฉลิมรวบมือทั้งสองข้างของลำยองมาประสานที่อก
"นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่ นึกถึงพุทธคุณไว้"
ลำยองเกร็งไปทั้งตัว วันเฉลิมพยายามจับมือแม่ให้อยู่ในท่าพนมมือให้ได้ วันเฉลิมน้ำตาร่วงพรู
"นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่"
ในนาทีสุดท้ายของความเจ็บปวด ภาพอดีตระหว่างแม่กับลูกผ่านเข้ามา
ลำยองหลังคลอดไม่ยอมเลี้ยงลูก, เธอตีวันเฉลิมด้วยความโกรธ, วันเฉลิมเอาเงินให้แม่, ขอร้องลำยองให้เลิกกินเหล้า, วันเฉลิมไปตามลำยองถึงในบ่อน, ส่งข้าวส่งน้ำให้แม่ในคุก, เช็ดตัวตอนลำยองไม่สบาย, เข็นรถเข็นพาลำยองย้ายบ้าน, วันเฉลิมบวชเณร ลำยองอุตส่าห์ถ่อสังขารมาบวชลูก, ลำยองตักบาตรเณรได้วันเดียว,เณรวิ่งไล่จับตัวลำยองและห่อตัวลำยองไว้ด้วย จีวร
ลำยองอาการสงบลงมาก ตายังจับจ้องที่วันเฉลิม น้ำตาไหลเอ่อออกมา ช่วงลมหายใจสุดท้ายของการได้แสดงความรักต่อลูก วันเฉลิมน้ำตานองไม่แพ้กัน
"แม่"
ลำยองเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของวันเฉลิม เพราะประสาทรับรู้ค่อยๆดับลง เธอพยายามเอื้อมมือไปลูบแก้มลูก แต่วันเฉลิมรวบมือแม่ไว้กุมพนมไว้ในมือตัวเอง
ลำยองเหมือนเกิดรอยยิ้มขึ้นเพียงเสี้ยวขณะ แต่ช่วงเวลานี้ช่างสั้นเหลือเกิน รอยยิ้มคลายลงเป็นหน้าที่เรียบ นิ่ง เฉย พร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆหยุดลง และตายังคงลืมไม่ปิดสนิท
วันเฉลิมกอดแม่ไว้แน่น สันต์น้ำตาไหลพราก
เวลาเย็น โลงศพถูกตั้งไว้กลางศาลา ในบรรยากาศเรียบง่ายไม่มีความฟุ่มเฟือย บนศาลาตั้งศพไม่มีการตกแต่งใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายผู้ตาย หน้าที่ตั้งศพ มีเพียงพระพุทธเท่านั้น กับดอกไม้พื้นๆในแจกันเท่านั้น ปั้น, สันต์ ไหว้ศพกันอยู่
"หมดเวรหมดกรรมเสียทีลำยองเอ้ย...ข้าอโหสิกรรมให้เอ็งนะ อะไรที่เคยล่วงเกินกัน ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจกันก็ขอให้แล้วกันไป อย่าให้ผูกพันกันไปในชาติไหนๆอีกเลย"
ปั้นปักธูปลงในกระถาง
"ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้วนะลำยอง ขอให้ลำยองได้ไปในที่สงบ" สันต์บอก
สันต์ปักธูปลงในกระถาง วันเฉลิมนั่งซึมนิ่งอยู่มุมหนึ่ง ชุด ลำยง ลำดวน ช่วยกันจัดอาสนะ ข้าวของถวายพระที่จะลงสวดตอนค่ำ สันต์ได้แต่มองลูกชายอยู่ไกลๆ

ตอนกลางคืน
"ญาติพี่น้องก็ไม่ได้มีที่ไหนอีก สวดสามวันแล้วเผาเลยแล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ" หลวงตาปิ่นบอก
สันต์ เทวี ยกมือไหว้รับรู้ วันเฉลิมนั่งซึมเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้น
"แล้วตัวเอ็งจะเอายังไงไอ้วัน...มึงจะมัวมานั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลยไม่ได้นะ อีกสองวันก็จะเผาแม่เอ็งแล้ว ตัวเอ็งจะเอายังไง"
"วันไม่รู้ครับหลวงตา"
หลวงตาปิ่นถอนใจ
"วัน...ชีวิตลูกไม่ได้จบไปพร้อมกับแม่เขาหรอกนะ คิดถึงวันข้างหน้าของตัวเองบ้าง"
"วันจะอยู่กับยาย หาเลี้ยงยายกับน้องๆครับ"
สันต์อึ้ง
"วัน...ยายกับน้องๆน่ะ ปล่อยให้ยายกับน้าๆเขาช่วยเลี้ยง ช่วยดูแลไปเถอะ อาว่าวันน่าจะย้ายไปอยู่กับอา แล้วก็เรียนหนังสือ เตรียมตัวไปสอบเข้าเรียนต่อปีหน้าไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ" เทวีบอก
วันเฉลิมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเทวี มองสันต์ แล้วค่อยๆหันไปมองโลงศพที่ตั้งอยู่ไกลๆ นิ่งและนาน
สันต์กับเทวีสบตากัน ลุ้นเดาความคิดของวันเฉลิม
วันเฉลิมค่อยๆหันกลับมามองหลวงตาปิ่น
"หลวงตาครับ วันอยากบวชอีกครั้งครับ"
สันต์กับเทวีได้ยินเต็มหัวใจ
"พรุ่งนี้ให้วันบวชหน้าศพแม่ได้ไหมครับ"
หลวงตาปิ่นเอื้อมมือมาแตะหัววันเฉลิม สัมผัสแผ่วเบาของหลวงตาปิ่น ทำให้วันเฉลิมน้ำตาร่วง จิตวิญญาณของเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

วันใหม่ ภายในบ้านแลซึ่งมืดสลัว ไม่เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว ยายแลนั่งอยู่ที่มุมสุดห้อง โยกตัวไปมา สติเหมือนไม่อยู่กับตัว
"กูผิดเอง...กูเลี้ยงมึงมาไม่ดี อีลำยอง กูอยากให้มึงตายห่าไป จะได้ปลดห่วงให้หลานกูขึ้นมาจากนรก แล้วมึงก็ตายไปแล้วจริงๆอีลำยอง แต่ทำไมมึงไม่ชิงตายไปก่อนหน้านี้ พ่อมึงจะได้ไม่ต้องมารับกรรม กูไม่ได้ตั้งใจนะไอ้ปอ กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงตายเลย"
ยายแลร้องไห้สลับกับหัวเราะ วนเวียนอยู่กับบาปที่ตัวเองสร้างมากับมือ
สันต์เดินเข้ามากับลำยง หยุดยืนดูสภาพของยายแลอย่างสลดใจ
"ตั้งแต่พ่อตายก็เป็นแบบนี้แหละพี่สันต์ พอพี่ลำยองตายไปอีกคนอาการก็หนักข้อขึ้น เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน แม้กระทั่งงานศพ ท่าจะเลอะตามพ่อแกไปอีกคน พี่เข้าไปดูเองแล้วกัน ฉันไปที่วัดก่อนนะ"
ลำยงเดินออกไป สันต์เดินเข้ามาในบ้าน
"น้าแล"
ยายแลยังคงนิ่ง สันต์เอื้อมมือไปแตะหัวเข่า
"น้าแล"
ยายแลค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
"ใคร"
"ผมสันต์ไงครับ"
ยายแลเหมือนนึกอยู่อึดใจแล้วจึงค่อยจำได้
"เมียเอ็ง นังลำยองมันตายแล้ว ไอ้ปอก็ตายแล้ว"
"ผมรู้แล้วครับ วันนี้บ่ายๆวันจะบวชให้แม่ของเขาครับน้าแล"
"หลานข้าต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ แต่ข้ายังไงก็ต้องตกนรก"
"พูดอะไรอย่างนั้นน้าแล ไม่มีใครตกนรกที่ไหนหรอก"
"ข้านี่แหละ...จำที่ไอ้ปอมันกินข้าวคลุกยาเบื่อหนูเข้าไปได้ใช่ไหม ความจริง ข้าตั้งใจจะซื้อมาเบื่อนังลำยองมัน"
สันต์ตกตะลึง
"น้าแล"
ยายแลน้ำตาไหล
"ข้าตั้งใจจะเอาให้นังลำยองมันกิน จะได้ไม่ต้องอยู่ถ่วงลูกมันให้ต้องทนทุกข์ ข้าตกลงใจยอมตกนรก แต่นรกมันก็ช่างกระไร เอาไอ้ปอไปแทน ทำไมนังลำยองมันไม่ตายเร็วกว่านี้ ไม่งั้นข้าก็คงไม่ต้องทำอย่างนี้...ข้าไม่เคยบอกใครเลยนะ บอกเอ็งเป็นคนแรกนี่แหละ ถ้าไอ้วันมันบวชอีก เอ็งช่วยสงเคราะห์น้องๆ มันด้วยนะ ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก...อย่าให้ไอ้วันมันต้องสึกออกมาเลี้ยงน้องมันอีก เลย"
ยายแลร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา สันต์ได้แต่กุมมือแลไว้ให้กำลังใจ

เวลาบ่าย หลวงตาปิ่นขลิบผมกลางกระหม่อมให้วันเฉลิมเป็นคนแรก แล้วส่งกรรไกรต่อสันต์
"แม่เอ็งไม่มาจริงๆเหรอลำยง"
"แกบอกว่าเดินไม่ไหวจ๊ะหลวงลุง จะรอตักบาตรหน้าบ้านเอา"
สันต์ชะงักนิดนึงเพราะรู้สภาพจิตใจของยายแลดี ขลิบผมให้วันเฉลิมแล้วส่งกรรไกรต่อให้เทวี
เทวีขยับเข้ามาขลิบผมต่อ วันเฉลิมตั้งจิตแน่วแน่ให้ทุกขณะจิตเป็นกุศลแก่แม่ สายตามองไปทางที่ตั้งศพของลำยอง
เวลาเย็น โลงศพถูกดันเข้าเตาเผา แล้วช่องประตูถูกปิด ไฟกำลังเริ่มไหม้โลงศพจนคุโชน ที่หน้าเมรุ ทุกคนยืนสงบนิ่งทอดอาลัย
ท้องฟ้าหม่น พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ควันลอยเอื่อยๆออกทางปล่องเมรุ

วันใหม่ เวลากลางวัน ยายแลในสภาพทรุดโทรม นั่งตัวงอกอดเข่าอยู่ในมุมมืดๆสลัวๆ เณรวันเฉลิมเดินเข้ามาถึงในบ้าน
"โยมยาย"
ยายแลค่อยๆหันมามอง ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
"เณร ใครๆเขาพ้นเวรพ้นกรรมไปนานแล้ว แต่ยายยังต้องทรมานใจต่อไป"
"โยมยาย บุญกุศลทั้งหมดที่เกิดจากการบวชครั้งนี้ ผมอุทิศให้โยมยายครับ"
"ทำไมให้ยาย ให้แม่เอ็งไปเถอะ เอามายกให้ยายทำไม"
"เพราะผมเข้าใจว่าโยมยายคิดอะไร ทำอะไร"
"เณรรู้เหรอ"
ยายแลสะอื้น เช็ดน้ำตา
"ที่จริงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมเป็นต้นเหตุ โยมยายรักผม และหวังดีกับผมมากเกินไป ทุกคนอยากให้ผมหมดภาระทางกาย แต่มันเท่ากับเพิ่มภาระทางใจให้กับผม และใจทุกคน โยมยายสบายใจเถอะครับ เวรกรรมของโยมยายกับโยมตามีร่วมกันมาถึงได้เป็นอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมก็เกิดจากกรรมของผมเอง โยมยายอย่ากังวลใจให้มากไปเลย อนาคตของผมอยู่ที่ผ้าเหลือง ผมจะบวชให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่ำเรียนให้มากที่สุด และสูงที่สุด ส่วนกุศลทั้งหมดผมของอุทิศให้โยมยายครับ"
ยายแลน้ำตาอาบหน้า ก้มลงกราบสามครั้งด้วยหัวใจปิติ หลุดพ้นความทุกข์ทรมาน ปลดปล่อยพันธนาการที่รัดตัวเองออกไปได้ชั้นหนึ่ง

เรือนแพปั้น
"แม่คะ แม่ย้ายไปอยู่ซะด้วยกันกับหนูเลยนะคะ"
"นั่นสิครับแม่ บ้านนี้ก็ยกให้ลำยงกับลำดวนเขาทำมาหากินกันแล้ว แม่ไปอยู่กับผมดีกว่า ให้ผมได้ดูแลแม่บ้าง"
"แม่อยู่นี่แหละ มันชินซะแล้ว อยู่มาทั้งชีวิตจะให้ย้ายที่ยังไง"
"แต่แม่จะเหงานะคะ"
"ไม่เหงาหรอก มีอะไรให้ทำถมไป อยู่นี่จะได้คอยใส่บาตรเณร วันพระจะได้ไปถือศีลแปดที่วัด ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ว่างๆก็พาหลานๆมาหาแม่บ้างแค่นั้นก็พอ"
ปั้นยิ้มสงบ สันต์กับเทวีไม่มีความกังวลใจ

กุฏิหลวงตาปิ่น
"ผมว่าจะไม่ไปเรียนที่วังน้อยหรอกครับ จะเรียนที่มหาจุฬาฯนี่แหละ จะได้อยู่ใกล้ญาติพี่น้องด้วย" เณรบอก
"ก็ดีเหมือนกันเณร จะได้สอบเทียบมัธยมต้นปลายเสียเลย พอเณรสึกจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย"
"ผมยังไม่คิดจะสึกหรอกครับ ถ้าจะเรียนระดับอุดมศึกษา ผมจะเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์"
"ทางการเขาไม่เทียบปริญญาให้นะเณร คงอีกนานกว่า ก.พ. จะรับรองเทียบวิชาความรู้ให้ ถ้าสึกจะไม่ได้วุฒิไปทำงาน ก็เข้ากับแค่จบมัธยมปลายที่สอบเทียบไว้เท่านั้นนะ"
"ไม่เป็นไรครับ เพราะผมอาจจะไม่สึกเลยก็ซ้ำ"
สันต์กับเทวีมองหน้ากัน ไม่เกิดความกังวล เพราะทุกอย่างแล้วแต่เณร

เวลาผ่านไปหลายปี พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น แสงสีอ่อนๆยามเช้า พระภิกษุหนุ่มเดินอุ้มบาตรอย่างสงบเท้าเปลือยเปล่า เดินมาตามถนน ทุกอย่างก้าวเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยการเจริญสติ
"คุณยายขา พระมาโปรดถึงหน้าบ้านแล้วค่ะ คุณยายเร็วๆสิคะ"
วิมลที่แก่ลงอีกหน่อย แต่ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิมก้าวออกมาจากบ้าน สมฤดีในวัยรุ่นสาวรีบขยับเข้ามารับยายวิมล
"นิมนต์ด้วยค่ะหลวงพี่"
พระหยุดคอยที่หน้าบ้าน ก้มหน้าอย่างสงบเคร่งครัด สมฤดีพาวิมลออกมา ตักบาตรจนเสร็จ
พระให้พร

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13 พ.ย. 56

ลำดวนหิ้วกำถั่วฝักยาวที่มัดด้วยเชือกกล้วยเดินเข้ามา วันเฉลิมหันมามอง ตาปอคลานหนีไปเล่นน้ำต่อที่กาละมัง
ลำดวนก้มลงเก็บกระป๋องยาเบื่อขึ้นมา
"ยาเบื่อหนูนี่...เอามากินไม่ได้นะพ่อ"
"กูไม่ได้กิน"
"เอามาเล่นก็ไม่ได้"

"กูไม่ได้เล่น"
ลำดวนเก็บกระป๋องยาเข้าที่เดิม
"เบื่อซะบ้างก็ดี หนูตัวอย่างกับแมว ยั้วเยี้ยไปหมด"


ลำดวนหันไปบอกวันเฉลิม
"ไอ้วัน...ถั่วฝักยาวนี่เอาไว้ทำกับข้าวนะ"
"ครับ น้าลำดวน"

ลำยองนอนลืมตา ตาลอย คราง”ฮือๆ”เหมือนเจ็บปวดจากข้างใน วันเฉลิมเข้ามาจะเช็ดตัวให้
"แม่ครับ เช็ดตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะได้ใส่ยา"
ลำดวนเข้ามาดูพี่สาว
"พี่ลำยอง เป็นยังไงบ้างวะ"
ลำยองตาลอย เหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
"เหม็นน้ำเลือดน้ำหนองอย่างกับอะไรดี เอ็งทนเข้าไปได้ยังไงวะไอ้วัน"
"ต่อให้ยิ่งกว่าน้ำเหลืองน้ำหนอง ผมก็ทนได้ครับ เพราะคนป่วยคนนี้เป็นแม่ของผม"
"เสร็จแล้วเอ็งก็ฟอกสบู่ฟอกแฟ็บให้ดีๆนา เชื้อโรคทั้งนั้น"
จู่ๆลำยองก็กรีดร้อง ชักดิ้นชักงอเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้

หลังบ้าน ยายแลนั่งซึมนิ่งเหมือนจมอยู่ในความคิดบางอย่าง ลำดวนล้างตัวเพราะถูกอ้วกลำยอง
"เวรแท้ๆ ไม่รู้จะอยู่ทรมานคนอื่นเขาไปทำไม ตายๆไปซะทีจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว" ลำดวนบอก
ยายแลนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้อะไร ตาปอนั่งดูดกระดูกเป็ดพะโล้ ที่เหลือแทะจากเมื่อวานอย่างดื่มด่ำในรสชาติ วันเฉลิมตามออกมาหลังบ้าน ถือผ้าขี้ริ้วเช็ดตัวแม่ออกมาซัก
"เอ็งจะกลับด้วยกันเลยหรือเปล่าไอ้วัน"
"ผมยังไม่ได้ทำกับข้าวให้ยายเลยครับ"
"ข้าทำเองได้ ไม่เป็นไรหรอก" แลบอก
"เอ็งไปกินเอาที่บ้านย่าเอ็งเถอะ จะได้นอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ตีสามก็ต้องลุกแล้วไม่ใช่เหรอ"
"เอ็งไปเหอะ ไปนอนโน่นดีกว่า"
"พรุ่งนี้เอาเป็ดพะโล้มาอีกนะ...อร่อย"
วันเฉลิมยิ้ม

"ครับตา"
ระหว่างทาง วันเฉลิมเดินมากับลำดวน
"แม่เอ็งมีแต่ทรงกับทรุด หมอเขายังบอกเลยว่าไม่มีทาง เอ็งเลิกหวังซะเถอะไอ้วัน เหนื่อยเปล่าๆ ทำงานตัวเป็นเกลียวได้มากี่บาทก็กลายเป็นค่ายาแม่เอ็งหมด สงสารตัวเองบ้างเถอะโว้ย"
วันเฉลิมไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น

ลำยองนอนร้องครวญครางเจ็บปวดแม้ในยามหลับ ยายแลเปิดฝาโอ่งน้ำกิน แล้วใช้ขันตักน้ำขึ้นมาไม่ถึงครึ่งขัน

วันเฉลิมกำลังเดินอยู่กับลำดวน จู่ๆก็หยุดเดิน และหันกลับไปทางบ้านยายแล
"อะไร ไอ้วัน"
"วันว่าวันนี้วันนอนบ้านยายดีกว่าครับ"
"อะไรของเอ็งวะ"
"เผื่อกลางคืน แม่อาละวาดขึ้นมา ยายจะอดหลับอดนอนเปล่าๆ น้าลำดวนบอกน้าลำยงด้วยแล้วกันนะครับ เช้ามืดผมจะรีบไป"
วันเฉลิมยกมือไหว้ลำดวน แล้วเดินกลับบ้านยายแล

ลำยองนอนร้องครวญครางในลำคอ ยายแลนั่งมองลำยองมีขันน้ำตรงหน้า
"กูเป็นคนผิดเอง ที่เลี้ยงมึงมาไม่ดี กูมันโง่...ที่หลงส่งเสริมมึงแต่ในทางที่ผิด มึงอย่าเป็นห่วงผูกคอไอ้วันมันอีกต่อไปเลยนะ อีลำยอง ปล่อยลูกมึงให้มันมีอนาคตที่ดีกว่านี้เถอะนะ"
ยายแลกำกระป๋องยาเบื่อหนูจนแน่น ลำยองพลิกตัวร้องครวญคราง ปวดไปทุกส่วนของร่างกาย
"มันคงไม่เจ็บปวดไปกว่าที่มึงเป็นอยู่เท่าไหร่นักหรอก ชีวิตมึงกูเป็นคนให้กำเนิด มันไม่ผิดหรอกที่กูจะเป็นผู้ทำลายเสียเอง"
ยายแลตัดสินใจ พยายามเปิดฝากระป๋องยาเบื่อหนู แต่ฝากระป๋องปิดแน่นมาก
"ยายครับ"
ยายแลใจหายวาบ สติสัมปชัญญะกลับคืนมา วันเฉลิมกลับเข้ามาในบ้าน
"ยายยังไม่ได้ทำกับข้าวใช่ไหมครับ"
ยายแลเหงื่อแตกพลั่กๆ กำกระป๋องแน่น
"ยัง"
"เดี๋ยววันจะผัดถั่วฝักยาวใส่ใข่ให้ยายนะครับ"
วันเฉลิมจะเดินออกไปหลังบ้าน
"เอ็งกลับมาทำไมไอ้วัน"
"คืนนี้ผมนอนเฝ้าแม่ที่นี่ดีกว่า เช้ามืดค่อยออกไปช่วยน้าลำยงครับ"
วันเฉลิมออกไปหลังบ้าน
ยายแลค่อยๆหันไปมองลำยอง เสียดายโอกาสทองที่หลุดมือไป

เวลากลางคืน ภายในชุมชนแออัด หมาจรจัดขี้เรื้อนขดตัวนอนมุมใครมุมมัน ภายในบ้าน ตาปอนอนละเมอ หน้าตามีความสุขอยู่ในมุ้งโทรมๆหลังหนึ่ง
"อย่าลืมเป็ดพะโล้นะไอ้วัน...อร่อยๆๆ"
วันเฉลิมนอนในมุ้งอีกหลัง ข้างๆมุ้งลำยอง
สุดห้อง ยายแลยังนั่งกอดเข่า จมอยู่กับความคิดของตัวเองในความมืดสลัว คิดถึงเรื่องในอดีตที่ร่วมกับลำยองสร้างวีรกรรมกันมา
แลยุให้ลำยองจับสันต์ทำผัว, แล-ลำยอง ทะเลาะกับ ปั้น-สิน อย่างถึงพริกถึงขิง, แลหวังดี แนะนำยาดองให้ลำยอง, แลพาลำยองไปบ่อน, แลพาลำยองไปหาพ่อปู่ พ่อปู่ดูดวงว่าลำยองเป็นนางฟ้ามาเกิด

ยายแลน้ำตาไหล เจ็บปวดหัวใจ ความหายนะทั้งหมดโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
เสียงเคาะเหล็กบอกเวลาตีสอง วันเฉลิมลุกจากที่นอนทันที ไม่งัวเงีย มุดมุ้งออกมา ยายแลยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
"ยายตื่นแล้วเหรอครับ"
แลนิ่ง ไม่ตอบ วันเฉลิมปลดมุ้ง พับมุ้ง เก็บที่นอนอย่างคล่องแคล่ว แล้วชะโงกเข้าไปดูลำยองในอีกมุ้ง แม่หลับนิ่งดูเป็นปกติ
"เดี๋ยวผมจะต้มข้าวต้มไว้ให้นะครับยาย"
วันเฉลิมรีบออกไปหลังบ้าน

เช้ามืด ลำยงเปิดประตูร้าน ชุด ลำดวน ขนเข่งเปล่าที่จะไปจ่ายตลาดออกมา
"ไอ้วันมันจะมาไหมเนี่ย ฉันขนของคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ"
"มันรับปากแล้ว ยังไงมันก็ต้องมาน่า" ลำดวนบอก
"มันก็คงห่วงแม่มัน...เอาเถอะ รอมันหน่อย ตีสามมันไม่มาเดี๋ยวพี่ไปกับลำยงเอง" ชุดบอก
ไข่เจียวทอดเสร็จแล้วถูกตักใส่จาน วันเฉลิมยกกาขึ้นตั้งบนเตาแทน เอาจานไข่เก็บใส่ตู้กับข้าว แล้วรีบออกมา ยายแลยังนั่งอยู่ที่เดิม
"ยายครับ ผมต้องรีบไปแล้ว ยายช่วยป้อนข้าวแม่ เอายาให้แม่กินด้วยนะครับ"
วันเฉลิมรีบร้อนจนไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของแลที่นิ่งเฉยผิดปกติ วันเฉลิมชะโงกดูลำยองอีกครั้งก่อนรีบออกไป
วันเฉลิมรีบวิ่งเข้ามาถึงเรือนแพปั้น
"บอกแล้วให้มานอนที่นี่...ตื่นสายหรือไงไอ้วัน" ลำดวนถาม
"เปล่าครับ ผมต้มข้าวกับทอดไข่ไว้ให้แม่น่ะครับ"
"โธ่เอ้ย! กลับมาค่อยทำก็ได้" ลำยงว่า
"รีบไปเถอะลำยง กว่าจะกลับจากตลาดจะสายโด่งไม่ทันลูกค้าพอดี" ชุดบอก

ไข่เจียวถูกป่น คลุกรวมกับข้าวต้มในชามจนเป็นเนื้อเดียวกันสำหรับคนป่วย แลเปิดกระป๋องยาเบื่อหนูอย่างพยายามควบคุมตัวเองให้แน่วแน่ แต่มือก็สั่นอยู่ดี ผงยาเบื่อหนูถูกโรยลงชามข้าว แล้วถูกคนให้เข้ากัน
ยายแลวางชามข้าวต้มลงมุมหนึ่งข้างที่นอน แล้วปลดสายมุ้งลงสองข้าง ม้วนชายมุ้งตลบเก็บแขวนไว้กับข้างฝา ยายแลหันมาแล้วต้องชะงัก เย็นวาบไปทั้งตัว ลำยองนอนลืมตา มองมาอย่างเต็มตา เหมือนคนปกติทุกอย่าง
"ไอ้วันละแม่"
"มันไปทำงาน .ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว"
"ทำงานอะไร"
"ก็ไปช่วยนังลำยงมันจ่ายตลาดเช้า สายหน่อย มันก็ไปรับไอติมเขามาเร่ขาย"
ลำยองสะเทือนใจ ปากขมุบขมิบเหมือนอยากจะพูดอะไร
"มันหาเงินมาซื้อยาให้เอ็งนั่นแหละ"
ลำยองน้ำตาเอ่อออกมาแล้วไหลลงอาบแก้ม ยายแลเบือนหน้าหนี หันไปหยิบชามข้าวต้ม
"เอ็งกินข้าวซะ เอ็งกินข้าวซะ ไอ้วันมันต้มข้าว เจียวไข่ไว้ให้เอ็งตั้งแต่เช้ามืดแล้ว"
แลควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น ตักข้าวต้มพอดีคำ เคลื่อนช้อนไปจ่อตรงหน้าลำยอง แลแทบจะอยากหลับตาไม่ต้องการเห็นหน้าและแววตาลำยอง
"ไม่ ฉันไม่หิว ฉันจะรอไอ้วันมัน"
แลชะงัก สติและมโนธรรมเหมือนถูกกระชากกลับคืนมาเมื่อเห็นแววตาลำยอง แลชักมือกลับ วางช้อนคืนชามข้าวต้ม กลั้นน้ำตาที่แทบร่วง
"ตามใจเอ็ง"

แลลุกออกไปทันที
ยายแลกลับออกมาหลังบ้าน สองมือกระชับชามข้าวต้ม เหมือนกลัวจะหลุดจากมือ แล้วทรุดตัวลงแทบหมดเรี่ยวแรง ปล่อยโฮออกมาแต่ไม่ยอมให้มีเสียง
"กูทำไม่ลง...อีลำยอง...กูทำมึงไม่ลง"
ยายแลร้องไห้ ตัดสินใจเทข้าวต้มทิ้งถังขยะหน้าห้องน้ำ

ลูกค้ากำลังรุมซื้อกับข้าวของสดบนแผง ลำดวน ลำยง ขายของกันมือเป็นระวิง ชุด วันเฉลิม ช่วยกันยกเข่งผักอีกเข่งเข้ามา
"เดี๋ยวข้าทำต่อเอง เอ็งไปพักเถอะไอ้วัน" ชุดบอก
ปั้นออกมาพอดี
"กินข้าวกินปลาซะก่อนไอ้วัน ย่าทำแกงจืดวุ้นเส้นไว้ให้" ปั้นบอก
"ไม่เป็นไรหรอกครับย่า"
"มันจะเสียเวลาอะไรนักหนา กินๆซะก่อน ไอติมน่ะไม่มีใครเขาแย่งเอ็งหรอก เดี๋ยวค่อยไปรับก็ได้"
"ผมอยากกลับไปดูแม่ก่อนน่ะครับ ป่านนี้ยายป้อนข้าวหรือยังก็ไม่รู้"
"งั้นเอ็งเอาแกงจืดไปป้อนแม่เอ็งด้วย รอแป๊บนึง เดี๋ยวย่าตักใส่หม้อไปให้"
ปั้นกุลีกุจอออกไป วันเฉลิมคอย

ยายแลนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ที่หน้าบ้าน เช็ดน้ำตาทิ้ง แล้วลุกเดินเข้าบ้านไปจนถึงครัว แล้วสะดุดกับข้าวต้มในถังขยะที่มีสภาพเลอะเทอะเหมือนถูกคุ้ยกิน แลนิ่งไปอึดใจ เย็นวาบไปทั้งตัว แล้วรีบถลาออกไปทันที ลำยองตาค้างจ้องเขม็งมองตาปอนอนสะอึกน้ำลายฟูมปากอยู่กลางบ้าน มือเท้าเกร็งไปหมด
แลถลาเข้ามา เสียงตาปอกรีดร้องโหยหวน
"ไอ้ปอ"
วันเฉลิมหิ้วหม้ออวยเดินมาถึงหน้าบ้านพอดี ได้ยินเสียงแลกรีดร้องดังระงมก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ยายแลโอบตัวตาปอไว้ แล้วเขย่าตัวที่ทุรนทุรายใกล้หมดลม
"ไอ้ปอ...ไอ้ปอ"
"ยายครับ ตาเป็นอะไร"
"มันกินข้าวคลุกยาเบื่อหนูเข้าไปไอ้วัน"
วันเฉลิมตกใจเรียก
"ตา"
วันเฉลิมทิ้งหม้ออวยแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ลำยองนอนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ

ลำยง ลำดวน ชุด ยังคงช่วยกันขายของ ปั้นนั่งทำบัญชีอยู่หลังร้าน วันเฉลิมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา แล้วตะโกน
"น้าลำยง น้าลำดวน ช่วยด้วยครับ"
"เกิดอะไรขึ้นไอ้วัน ใครเป็นอะไร" ลำยงถาม
"ตาครับ...ตา"
ลำดวนร้อนใจถาม
"พ่อเป็นอะไร"
"ตากินยาเบื่อหนูเข้าไปครับ"

ทุกคนตกใจแทบสิ้นสติ
ภายในบ้าน ยายแลยังคงกอดปอร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ ทุกคนวิ่งตามวันเฉลิมเข้ามา ลำยงกับลำดวนเรียก "พ่อ" แล้วถลาเข้าไปหาปอทันที
ลำยงร้องไห้ถาม
"มันเกิดอะไรขึ้นแม่ พ่อกินยาเบื่อหนูเข้าไปได้ยังไง"
"กูไม่ได้ตั้งใจ กูไม่ได้ตั้งใจ"
"ไอ้ยาเบื่อบ้านั่น ฉันเห็นพ่อจะกินมันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ดีที่ฉันเห็นก่อน ไม่นึกเลยว่าวันนี้พ่อจะ..."
"กูไม่ได้ตั้งใจ"
ชุดรีบเข้ามา ตั้งใจจะแบกออกไปหาหมอ แต่ปอนิ่งไปแล้ว
"พ่อตายแล้ว"
ยายแลกรีดร้อง
"ไม่...ไอ้ปอ มึงต้องไม่ตาย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ"
ทุกคนร้องไห้ระงม ลำยองนอนมองเหมือนไม่รับรู้ แต่นัยน์ตามีแววเจ็บปวด

ผ่านเวลาไปหายวัน ยายแลใส่ชุดดำ นั่งเหม่อลอยคิดถึงตาปออยู่หน้าบ้าน
"ไอ้ปอ กูไม่ได้ตั้งใจ"
ลำยองนอนอยู่ในบ้าน มองแม่นิ่งๆ
"ไอ้ปอ กูรักมึง กูคิดถึงมึง"
ลำยองที่นอนอยู่ นัยน์ตาสั่นระริก แล้วรำพึงในลำคออย่างยากเย็น
"คิดถึง"
ลำยองค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ยายแลยังคงนั่งเหม่อลอย น้ำตาไหล ลำยองค่อยๆตะเกียกตะกายออกจากบ้านไปอีกทาง ยายแลมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จึงไม่ทันเห็นลำยองที่เดินออกจากบ้านไป

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/3 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/3 พ.ย. 56

"ผม ขอแลกเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ รองเท้าถึงมันจะขาด แต่มันก็ยังกันเจ็บเท้าได้อยู่ ผมอยากได้เสื้อนักเรียนให้น้องเหน่งมากกว่าครับ อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว น้องเหน่งยังไม่มีเสื้อเลยครับ"
สันต์อึ้ง ลำยองกรีดร้องลั่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วชักอย่างน่ากลัว เนื่อจากเชื้อกำเริบกินสมองจนไม่สามารถควบคุมได้ วันเฉลิมรีบพุ่งเข้าไปดูแล รัดตัวลำยองเอาไว้ให้สงบลง
"แม่ครับ...แม่ครับ แม่ได้ยินวันไหม วันอยู่กับแม่ตรงนี้ครับ...วันอยู่นี่"
สันต์สะเทือนใจ ลำยองฉุดทุกคนลงนรกจริง ๆ

ลำยงยื่นกับข้าวของสดให้วันเฉลิม
"ผักนี่เอ็งเอาไปต้มกระดูกหมูซะนะ แม่เอ็งเคี้ยวไม่ไหวให้ซดน้ำแกงก็ยังดี ข้าวสารยังมีเหลือไหม"


"เหลืออยู่หน่อยนึงครับ"
วันเฉลิมจะเดินออกมา ชุดยกเข่งมะพร้าวออกมา แล้วจู่ ๆ เข่งก็หลุดมือเพราะแขนขาข้างซ้ายเกิดชาและหมดแรงกะทันหัน ชุดล้มลงกับพื้น
ลำยง, ลำดวน, ปั้น, ตกใจรีบเข้ามาดู
"เป็นอะไรพี่ชุด" ลำดวนถาม
"ไม่รู้ อยู่ๆมันก็ชา ไม่มีแรงเลย"
"ตรงไหน เอ็งเป็นตรงไหน" ปั้นถาม
ชุดพยายามยกแขนซ้ายแต่ยกไม่ขึ้น
"แย่จริง แล้วยังงี้พรุ่งนี้จะไปจ่ายของที่ปากคลอง ไหวไหมพี่"
"ไม่รู้เหมือนกัน"
ชุดพยายามลุกขึ้น แต่ก็เดี้ยงเพราะขาซ้ายไร้เรี่ยวแรงแทบล้มตึง
"ทำไมต้องมาเป็นอะไรเวลานี้ด้วย"
ลำยง, ลำดวนช่วยกันประคองชุดไปนั่งมุมหนึ่ง

ลำยองอาละวาดรุนแรง
"กูอยากเหล้า เอาเหล้ามาให้กู"
วันเฉลิมพยายามเช็ดตัวให้ลำยองอย่างยากลำบาก
"กูอยากกินเป็ดพะโล้ อีแลใจดำ ไม่เคยซื้อเป็ดพะโล้มาให้กูกินเลย" ปอบอก
ตาปอคร่ำครวญอยู่หน้าจานข้าวถัดออกไป
"ไอ้วันยาจะหมดแล้วนะ" แลบอก
"ยาอะไรครับยาย"
"ทั้งยากินยาทาน่ะแหละ"
"พรุ่งนี้ผมจะซื้อเข้ามาครับ"
"เงินพ่อเอ็งให้มา เอ็งไม่ได้ใช้ซักบาท เอามาซื้อยาหมด"
"ไม่เป็นไรหรอกครับยาย ยังไงแม่ก็ต้องหาย"
"อะไรมันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น"
"ตอนค่ำผมต้องไปนอนค้างที่แพย่า เพราะเช้ามืดผมต้องไปช่วยน้าลำยงจ่ายของที่ปากคลองนะครับ ผมฝากยายดูแม่ด้วย"
"นังลำยงมันจ้างเอ็งเหรอ"
"น้าชุดไม่ค่อยสบาย ผมอาสาช่วยเอง น้าลำยงไม่ค่อยมีเงินหรอกครับ ให้เท่าไรผมก็เอา"
แลเบือนหน้าหนี สงสารหลาน
"กูอยากกินเหล้า เอาเหล้ามาให้กู"
ลำยองสั่น บิดตัวงอทุรนทุราย
"กูอยากกินเป็ดพะโล้..เป็ดพะโล้"
วันเฉลิมลุกออกไปหลังจากเช็ดตัวลำยองเสร็จ
"พรุ่งนี้ขายของได้ ผมจะซื้อมาให้ครับตา"
"มึงอย่าหลอกกูนะ เป็ดพะโล้จริง ๆ นะ"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับตา"
วันเฉลิมเดินออกไปหลังบ้าน ปอดีใจจนตัวสั่น
"อีแล พรุ่งนี้กูได้กินเป็ดพะโล้แล้ว กูไม่ง้อมึงแล้ว"

ยายแลนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบ
เช้ามืด ลำดวนรีบเข้ามาช่วยยกเข่งผักของสดที่ลำยงกับวันเฉลิมไปจ่ายมาจากตลาด ชุดพยายามเข้ามาช่วยทั้งที่แขน ขาข้างซ้ายแทบใช้งานไม่ได้

"พี่ชุดไปรอแยกผักเรียงผักดีกว่า ตรงนี้ฉันทำเอง"
ลำยง, วันเฉลิมช่วยกันยกเข่งผักของสดหนักอึ้งตามเข้ามาอีกเข่ง
"เอ็งช่วยแค่นี้ก็พอไอ้วัน ที่เหลือเดี๋ยวพวกน้าทำกันเอง ผักนี่เอาไปทำกับข้าวให้ยายกับแม่เอ็งกินด้วยไป"
ลำยงแบ่งผักกาดยัดใส่มือวันเฉลิมแล้วหยิบตังค์ให้ห้าบาท วันเฉลิมไหว้แล้วรับตังค์มาใส่ชายเสื้อ มัดจุกด้วยหนังยาง
"กินข้าวกินปลาก่อนวันเอ๊ย ย่าต้มผักกาดดองซี่โครงหมูเอาไว้ให้"
"ไม่เป็นไรหรอกครับย่า ผมจะรีบไปรับไอศกรีมไปขาย ไปสายเดี๋ยวเถ้าแก่เขาจะยกให้คนอื่นไปครับ"
วันเฉลิมวิ่งออกไปทันที
ปั้น, ลำยงได้แต่สบตากัน
"แม่มันจะรู้ตัวไหมว่าทำลูกเต้าเดือดร้อนขนาดไหน" ลำดวนบอก

เวลาต่อมา สมฤดีวิ่งออกมาเพราะได้ยินเสียงกระดิ่งไอศรีม วิมลตามออกมา
"ไอติม ไอติม"
วันเฉลิมสะพายถังไอศกรีมสั่นกระดิ่งเดินมา สมฤดีตะลึงตาค้าง
"พี่วัน"
"พ่อวันเองเหรอลูก"
"ผมรับไอติมมาขายหลายวันแล้วครับ แต่ไม่ได้เดินมาทางนี้เลย"
"ขายดีไหมล่ะลูก"
วันเฉลิมเปิดฝากระติก
"ขายดีครับ ไม่ถึงเย็นก็หมดแล้ว"
"หนูสมเอาไอติมทุเรียน"
วันเฉลิมหยิบไอศกรีมออกมาแกะกระดาษห่อ ยื่นไอศกรีมให้สมฤดี
"เท่าไหร่ พ่อวัน"
"ผมให้หนูสมครับ"
"ไม่ได้หรอกลูก ของซื้อของขาย"
"หนูสมให้ขนมผมบ่อย ๆ ผมไม่เคยมีโอกาสตอบแทนเลยครับ คุณยาย"
วิมลส่งเงินยี่สิบบาทให้วันเฉลิม
"รับเอาไว้พ่อวัน แล้วก็ไม่ต้องทอนด้วย"
"คุณยาย"
"ให้ยายได้มีโอกาสช่วยเหลือพ่อวันบ้างเถอะนะ ยายรู้พ่อวันทำงานหนัก หาเงินมาซื้อยาให้แม่...ยายเป็นกำลังใจให้นะลูก ขอให้เด็กที่คิดดีทำดีอย่างพ่อวันสมหวังในทุกสิ่งที่พ่อวันตั้งใจ ขอคุณพระคุ้มครองนะลูกนะ"
วันเฉลิมไหว้และรับเงินมา
"ไอติมพี่วันอร๊อยอร่อยพี่วันต้องมาทุกวันเลยนะคะ"
วันเฉลิมยิ้ม

วันเฉลิมสะพายกระติกไอศกรีมเข้ามาในย่านตรอกเปลี่ยว แป้งยืนดักอยู่มุมหนึ่ง
"ไงวะไอ้วัน เป็นเณรหากินไม่คล่องรึไง ถึงได้มาแบกไอติมขาย วันนึงได้เท่าไหร่วะ พอยาไม้รึเปล่า"
"น้าแป้งทำไมไม่กลับบ้านบ้าง"
"กลับไปทำวะ ก็แม่เอ็งมันยึดหัวหาดไปแล้วนี่หว่า เหม็นเน่า น้ำเหลืองไปทั้งบ้าน ขืนเข้าไปใกล้ ๆ ติดโรคตายห่า เอ็งทำงานยังกะวัวกะควายแลกเงินสิบยี่สิบบาทยังงี้ สู้มาทำงานกะข้าไม่ดีกว่าเร้อ...งานสบาย ๆ"
"ผมไม่ทำงานทุจริต"
แป้งหัวเราะ
"เอ็งอย่าโง่ไปหน่อยเลยเล้ย...สมัยนี้เขาไม่สนกันแล้วโว้ย มือใครยาวก็สาวได้สาวเอา...ถ้าเอ็งมาทำงานกะข้า อย่างเบาะ ๆ ก็วันละร้อย เผลอ ๆ โชคดีก็ได้ส่วนแบ่งเป็นพัน...เป็นหมื่นนะโว้ย มีเงินเยอะ ๆ เอ็งจะได้เอาไปรักษาแม่บ้า ๆ ตัวเน่าของเอ็งไง"
"น้าแป้งอย่ามาหว่านล้อมผมให้เสียเวลาเลย ผมยอมเป็นคนโง่ทำงานเป็นวัวเป็นควายแลกเงินวันละสิบยี่สิบดีกว่าที่จะยอมขาย ศักดิ์ศรีทำงานที่สังคมรังเกียจอย่างน้าแป้งครับ"
วันเฉลิมเดินหนีออกมา แป้งตะโกนตาม
"ศักดิ์ศรีมันกินเข้าไปได้เหรอวะไอ้วัน...เอ็งไปคิดดูดี ๆ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาหาข้าได้ทุกเวลาโว้ย"

วันเฉลิมเดินลิ่วออกมา แน่แน่วไม่ลังเล
วันเฉลิมกลับเข้ามาในบ้านพร้อมถุงกระดาษ ตาปอนอนไขว่ห้างขวางทางอยู่
"ตา...ดูซิผมซื้ออะไรมาให้ตา"
"เป็ดพะโล้เรอะ"
"ครับ เป็ดพะโล้ที่ตาอยากกินไง"
"น้ำลายไหล น้ำลายไหล หิวข้าวแล้ว หิวข้าวแล้ว"
ยายแลเข้ามา
"เอาไว้กินด้วยกันตอนเย็น"
"มึงน่ะใจดำ"
ยายแลรับถุงกระดาษไปแล้วเก็บใส่ตู้กับข้าว ตาปอจ้องเขม็งไปที่ตู้กับข้าว
"เป็ดพะโล้มันแพงยังกะอะไรดี เอ็งเอาเงินที่ไหนไปซื้อ"
"ซื้อแค่ปลายปีกมาเท่านั้นแหละยาย ตาแกได้แทะ ๆ คงพอหายยากไปได้บ้าง"
ยายแลตวาด
"ไอ้ปอ"
ตาปอย่องไปแอบเปิดตู้กับข้าวสะดุ้งโหยงกลัวลนลาน
"มึงนี่ไม่รู้จักรอเลยรึไง กูบอกเอาไว้กินต้อนเย็นไม่รู้เรื่องรึไง"
"วันนี้ไอติมขายดี ตอนเช้าน้าลำยงก็ให้มาห้าบาท ผมซื้อยาแก้ปวดให้แม่แล้วก็ยังเหลือ...ยายเก็บเอาไว้นะ"
วันเฉลิมยื่นเงินให้
"เอ็งเก็บเอาไว้เถอะทำงานเหนื่อยแทบตาย"
"ผมไม่ได้ใช้อะไรหรอกยาย ยายเก็บไว้เผื่อจะได้ซื้อขนมแบ่งตากินไง"
วันเฉลิมยัดเงินใส่มือแล แลมองเงินในมือแล้วมองตามวันเฉลิมที่ขยับไปดูลำยองที่นอนครวญคราง
"แม่ครับ แม่...วันนี้วันซื้อเป็ดพะโล้มาด้วย แม่กินข้าวกับเป็ดพะโล้นะครับ"
ลำยองได้แต่ครวญครางสภาพไม่ต่างจากซากศพ ยายแลนั่งนิ่ง ยากจะเดาว่าคิดอะไรอยู่

ยายแลเดินใจลอยมาหยุดที่หน้าร้านขายของชำยืนมองเหมือนชั่งใจอยู่ชั่วขณะ หนึ่งแล้วเดินเข้าไปในร้าน เพื่อถามหา ซื้อของบางอย่าง คนขายหยิบของใส่ถุงกระดาษยื่นให้ หลังยายแลรับของก็เดินออกมา ลำดวนผ่านมาพอดี
"อ้าวแม่....มาซื้ออะไรล่ะ"
ยายแลชะงัก ตั้งตัวไม่ทัน
"ซื้อของใช้"
"พี่ลำยองมันเป็นยังไงบ้างล่ะ ฉันก็ยุ่งทั้งวันไม่มีเวลาได้หยุดเลย มันดีขึ้นไหมแม่"
"ก็เหมือนเดิม"
"ฉันล่ะเวทนาไอ้วันมัน มันยังหวังว่า แม่มันจะหาย มันจะหายเข้าไปได้ยังไง หมอเองเขายังบอกว่ารอวันตายเท่านั้น ฉันเองก็ไม่อยากจะพูด พูดไปก็เหมือนแรงน่ะแหละ มันน่าจะหมดเวรหมดกรรมไปซะที มันไม่ได้ทรมานคนเดียว คนอื่นเขาต้องพลอยทรมานไปกับมันด้วย"
ยายแลใจลอยแต่ลึกเข้าไปในความคิด ความมั่นใจในสิ่งที่จะทำก่อตัวขึ้นอย่างแข็งแรง

เวลาเย็น ปอแทะปลายปีกเป็ดพะโล้กินอย่างเอร็ดอร่อยดื่มด่ำในรสชาติ กระดิกตีนสบายใจ
วันเฉลิมใช้มือพยายามเลาะเนื้อหนังเป็ดตรงปลายปีกออกมาให้ได้มากที่สุด แล้วยื่นไปป้อนลำยองที่นั่งเบลอใจลอย
"แม่ครับ...แม่อ้าปากครับ วันได้เนื้อเป็ดชิ้นใหญ่เลยแม่ครับ แม่"
ลำยองค่อย ๆ มองลูกชายนิ่งนาน
"มึงเป็นใคร"
"วันไงครับ วันเฉลิมลูกแม่ไงครับ"
"ลูก"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับ วันเป็นลูกแม่"
ลำยองมองนิ่งแล้วน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา
"ลูก"
"แม่กินเป็ดก่อนเถอะครับ"
ลำยองค่อย ๆ อ้าปาก วันเฉลิมป้อนเป็ดใส่ปากลำยอง
"แม่กินเยอะ ๆ เลยครับ แม่จะได้แข็งแรง"
วันเฉลิมตักข้าวต้มป้อนลำยอง ลำยองอ้าปากรับข้าวต้มโดยดี
"วันนี้แม่กินข้าวได้เยอะเลย กินให้หมดชามเลยนะครับ"
ลำยองค่อย ๆ หัวเราะออกมา วันเฉลิมนึกดีใจ .อาการแม่ดีขึ้นกว่าเคย อย่างน้อยก็หัวเราะออกมาได้
จู่ ๆ ลำยองก็พ่นข้าวทั้งหมดในปากใส่หน้าวันเฉลิม

วันเฉลิมไม่ได้รังเกียจการกระทำของแม่ แต่กลับมีความสุขด้วยซ้ำเพราะนานจนลืมไปแล้ว แม่ไม่เคยมีเสียงหัวเราะให้เขาได้เห็นและได้ยินเวลาอย่างเวลานี้เลย
ยายแลกลับเข้ามาในครัวหลังบ้านเห็นวันเฉลิมกำลังล้างจานอยู่ที่มุมหนึ่ง ยายแลล้วงหยิบกระป๋องยาเบื่อหนูเหน็บเข้าเก็บหลังซอกตู้กับข้าว แล้วกลับเข้าไปในบ้าน ตาปอเล่นน้ำในกะละมังอยู่ รีบพุ่งพรวดไปส่องดูซอกหลังตู้กับข้าว เอามือล้วงเข้าไปหยิบกระป๋องออกมาดูอย่างสนใจ เพรานึกว่าเป็นของกิน
"ทำอะไรน่ะพ่อ"
ตาปอตกใจละล่ำละลัก กระป๋องยาเบื่อตกมือร่วงลงพื้น
"กูไม่ได้ทำอะไร กูไม่ได้หยิบ"
ลำดวนหิ้วกำถั่วฝักยาวที่มัดด้วยเชือกกล้วยเดินเข้ามา วันเฉลิมหันมามอง ตาปอคลานหนีไปเล่นน้ำต่อที่กาละมัง

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/3 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/2 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/2 พ.ย. 56

ยายแลฟาดแขนหลายเผียะ
"ไอ้ปอ"
"อย่าไปตีแกเลยน้าแล"
สันต์หยิบกระเป๋าตังค์ออกมายื่นสิบบาทให้ ปอไหว้แล้วไหว้อีก ดีใจจนเนื้อเต้น สันต์หยิบเงินอีกส่วนออกมาราว 200-300 บาท
"วัน เงินนี่เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายนะลูก"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ"
"เก็บไว้เถอะ ยังไงก็ต้องใช้"
วันเฉลิมไหว้ รับเงินมา
"ผมจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของใคร"


เรือนแพปั้น เทวีบอก
"อาว่าน้องเหน่งน่ะ เอาไปฝากเข้าโรงเรียนก็ดี ให้อยู่กับหลวงตาท่านซะจะได้แบ่งเบาภาระลงหน่อย"
"ก็ดีเหมือนกันนะ หลวงลุงท่านจะได้ช่วยขัดเกลา อยู่นี่ก็วิ่งเล่นไปวันๆ ไม่มีใครมีเวลาดูแล" ลำดวนบอก
"แม่จะไปคุยกับหลวงลุงท่านให้เอง" ปั้นบอก
ลำยงพาอ้อยออกมาพร้อมลังกระดาษใส่เสื้อผ้า
"ไปอยู่โรงเรียนกินนอนแล้ว ครูเขาว่าอะไรเอ็งก็ต้องเชื่อฟังเขานะนังอ้อย เข้าใจไหม"
อ้อยยิ้มลูกเดียว วันเฉลิมมองอ้อย ใจหาย เวลาของการพลัดพรากมาถึง
"น้องอ้อย...มาหาพี่วันมา"
อ้อยเดินยิ้มเข้ามาหาวันเฉลิม
"กระโปรงฉวยไหม"
"สวย...น้องอ้อยไปโรงเรียนแล้วอย่าดื้อนะ"
อ้อยยิ้มพยักหน้า
"ใครให้อะไรน้องอ้อยก็ต้องไหว้ขอบคุณเขานะ จำที่พี่วันสอนได้ไหม"
อ้อยยกมือไหว้แล้วยิ้ม
"ขอบคุณค่ะ"
วันเฉลิมยิ้ม
"ไปกันเถอะค่ะ ไป น้องอ้อย" เทวีบอก
"พ่อไปนะวัน"
"ครับ"
เทวีจูงอ้อยออกไป วันเฉลิมมองตามน้องทั้งสบายใจและเป็นห่วง

ครัวหลังบ้านยายแล ข้าวต้มในหม้อสุกกำลังดี วันเฉลิมยกหม้อลงจากเตาแล้วตักข้าวต้มใส่ชาม
ยายแลนั่งกอดเข่าใจลอยซึมอยู่มุมหนึ่ง ตาปอขยับเข้ามาใกล้เตา
"ตาอย่าเข้ามาใกล้ มันร้อน"
"กูหิว"
"ตารอก่อนนะ เดี๋ยวผมจะทอดไข่ให้"
ตาปอพยักหน้า
"เอาอร่อยๆนะ กูอยากกินไข่ทอด"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับ"

วันเฉลิมจะหันไปคว้ากระทะ เสียงลำยองกรีดร้องโหยหวยเหมือนเจ็บปวดหนัก ดังมาจากในห้อง วันเฉลิมรีบผละจากเตา, คว้าชามข้าวต้มเข้าไปดูแม่ ยายแลมองตามแล้วขยับลุกอย่างเนือยๆ
วันเฉลิมรีบเข้ามาในห้อง ลำยองดิ้นทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส ลูกชายวางชามข้าวแล้วรีบเข้าประคองแม่

"แม่ครับ แม่"
"กูหิวเหล้า เอาเหล้ามาให้กู เอาเหล้ามาให้กู"
ยายแลตามมายืนดูที่ประตูเหมือนไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร วันเฉลิมกอดรัดลำยองเอาไว้ให้หายทุรนทุราย
"มึงจะฆ่ากูใช่ไหม มึงจะฆ่ากู"
"แม่ครับ แม่ต้องอดทนนะครับ เดี๋ยวก็หาย แม่ต้องอดทนนะครับ เดี๋ยวกินข้าว แม่จะได้กินยา แม่ทนหน่อยนะครับ"
ลำยองดิ้นเตะถีบจนชามข้าวต้มกระเด็นข้าวหกเรี่ยราด
"ยายจะไปซื้อเหล้ามาให้มันนะไอ้วัน"
"ไม่ครับยาย"
"มันจะได้หายปวด หายทรมาน"
วันเฉลิมยังรัดลำยองเอาไว้แน่น
"แม่ครับ...แม่นึกถึงคุณพระเอาไว้นะครับ พระพุทธคุณจะคุ้มครอง นึกถึงพระเอาไว้ครับ"
ลำยองหงิกงอตัวเกร็งในอ้อมกอดวันเฉลิม ยายแลเบือนหน้าหนี ทรุดลงกอดเข่าน้ำตาร่วงพรู
วันเฉลิมออกมาหลังบ้านพร้อมชามเปล่ากับยายแล
"ผมจะทอดไข่ให้แม่ก่อน ป้อนข้าวแล้วจะได้กินยา"
วันเฉลิมชะงัก ตาปอตักข้าวต้มหว่านลงคลองสนุกสนาน
"เอ้า มากินกันเร็ว มากินกัน"
"ไอ้ปอ มึงทำอะไรของมึง ไอ้บ้า"
"กูเลี้ยงปลา"
ยายแลจะคว้าทัพพีจากมือ ตาปอเหวี่ยงหลบ โยนทัพพีทั้งหมอลงคลองไป, หัวเราะชอบใจ
"คนยังไม่ได้กินเลย มึงเลี้ยงปลาไอ้ฉิบหาย มีแต่ล้างผลาญ"
ตาปอหัวเราะร่วน
"กูทำทานโว้ย พวกมึงบาปหนาไม่เคยทำบุญทำทานหรอก"
ยายแลโกรธจัด เข้าฟาดทุบตีตาปอ วันเฉลิมรีบเข้ามายื้อห้าม
"ยายครับอย่า อย่าตีตา ตาไม่สบาย ตาไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ"
ยายแลร้องไห้อัดอั้นปวดใจ ตาปอวิ่งหนีไปซุกตัวซ่อนอยู่มุมหนึ่งเหมือนเด็ก ๆ

อีกมุมหนึ่ง ยายแลนั่งร้องไห ทุบตีตัวเองระบายแค้นที่สุมอก
"กูอยากตาย...ทำไมกูถึงไม่ตายให้มันพ้นทุกข์พ้นร้อนไปซะที"
วันเฉลิมขยับเข้ามาหา
"ยาย...ยายตีตัวเองก็เจ็บตัวเปล่า ๆ เอาเวลาร้องไห้มาทำงานหรือนอนพักยังจะดีซะกว่าครับ"
"ชีวิตนี้มันมีแต่ความทุกข์ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้ว"
"ยาย ทุกคนก็มีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น จนก็ทุกข์รวยก็ทุกข์แต่ไหน ๆ ได้เกิดมาเป็นคนแล้วก็ต้องดิ้นรนกันไปให้เต็มกำลังสติปัญญาคิดเสียว่า ความลำบากที่เรากำลังเผชิญเป็นแค่บททดสอบจิตใจของเราบทนึงเท่านั้นนะ ยายจะสุขจะทุกข์อยู่ที่ใจของเราเอง บางเรื่องยายก็ปล่อยวางเสียเถอะ มีเท่าไรเราก็กินเท่านั้น เงินทองผมจะเป็นคนหามาเลี้ยงยายกับแม่เอง"
วันเฉลิมพยายามยิ้มให้กำลังใจ ยิ่งทำให้ยายแลร้องไห้หนักขึ้น

บนกุฏิหลวงตาปิ่น
"ก็ดี...ให้มันมาอยู่กับหลวงตาซะที่นี่ เดินไปหน่อยเดียวก็ถึงโรงเรียนแล้ว"
"เหน่ง...หลวงตาสอนอะไร เหน่งต้องเชื่อฟังหลวงตานะ"
เหน่งพยักหน้า
"นังอ้อยก็หมดห่วงไปแล้ว ไอ้เหน่งก็มาอยู่นี่ เหลือแต่นังจิตรา"
"ครับหลวงตา น้าลำยงกับน้าลำดวนบอกว่าพอดูแลไหว ปีหน้าครบเกณฑ์แล้วค่อยพาไปเข้าโรงเรียนครับ"
"แล้วเอ็งล่ะไอ้วัน เวลามันผ่านไปเร็วนะ เอ็งควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง"
"ถึงอนาคตของผมมันจะมืดมนมันก็ไม่สำคัญ เท่าวันนี้ของแม่กับน้อง ๆ หรอกครับหลวงตา"

วิมลยื่นถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าที่ไม่ใส่แล้วของสมฤดีให้วันเฉลิม
"เอาไปให้น้องสาวพ่อวันนะ"
วันเฉลิมยือมือไหว้
"ขอบคุณครับยาย"
"พี่วันไม่น่าเลิกเป็นเณรเลย หนูสมชอบให้พี่วันเป็นเณรมากกว่า หนูสมได้ตักบาตรพี่เณรทุกวัน"
วันเฉลิมยิ้มแห้ง
"พี่เขามีหน้าที่ที่สำคัญกว่าต้องทำนี่ลูก แล้วนี่แม่พ่อวันเขาเป็นยังบ้างลูก"
สมฤดีวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
"ได้แต่กินยาแก้ปวดครับ ไม่ยังงั้นจะเจ็บปวดทรมานมาก"
"มีอะไรให้ยายช่วยได้ก็บอกนะพ่อวัน"
"ตอนนี้ผมอยากได้งานทำมากกว่าอะไรทั้งนั้น จะได้มีเงินไว้ซื้อยาให้แม่ครับ"
สมฤดีวิ่งกลับออกมาพร้อมขนมในมือ
"หนูสมให้พี่วันค่ะ"
วันเฉลิมรับขนมมาจากสมฤดีด้วยรอยยิ้ม...น้ำใจจากคนรอบข้างพอเป็นกำลังใจให้หัวใจชุ่มฉ่ำขึ้นได้บ้าง

"ขอบคุณครับ"
ลำยง, ลำดวน, ชุด ช่วยกันขายของให้ลูกค้าที่อยู่ไกล ๆ ยายแลนั่งกอดเข่าปรับทุกข์กับปั้นอยู่มุมหนึ่ง

"ข้าละอายใจเหลือเกินยัยปั้น เห็นไอ้วันมันแล้วก็สะท้านใจ มันไม่เคยตีโพยตีพายให้เห็นสักครั้งเดียว ไอ้เราซะอีกโวยวายเหมือนคนบ้า"
"สติไงยัยแล ยังงี้แหละเขาเรียกมีสติ"
"อยู่มาจนแก่ปูนนี้ ข้าไม่เคยทำได้ซักครึ่งของไอ้วันมันเลย"
"หลวงพี่ท่านสอนมันมาดี"
ยายแลยกมือไหว้ท่วมหัว
"สาธุ"
"ค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ ทำ ซักวันก็คงทำได้แหละ หัดปล่อยวางซะ ทุกข์ก็จะน้อยลงไปเอง"
"แก่แล้ว มันไม่มีเรื่องอะไรดีเลย คิดแล้วอยากตายให้มันพ้น ๆ เวร"
"คิดอะไรอย่างนั้น ยัยแล"
"ลำบากยามแก่นี่มันสุดจะทนแท้ ๆ ยัยปั้น"
ปั้นได้แต่เอื้อมมือมากุมแขนยายแลไว้ให้กำลังใจ

กลางซอย คนขายไอศกรีมสะพายกระติก สั่นกระดิ่งเรียกลูกค้าเดินผ่านมา วันเฉลิมเดินสวนแล้วมองตามหลังคนขายไอศกรีม วันเฉลิมตัดสินใจวิ่งตาม
"น้าครับ...น้าครับ"
คนขายไอศกรีมหันกลับมา

วันเฉลิมรีบกลับเข้ามาในบ้าน วางของแล้วรีบเข้าไปดูลำยองที่นอนร้องครางอยู่ ยายแลนั่งอยู่มุมหนึ่ง
"แม่เป็นยังไงบ้างครับยาย"
"มันหลับ"
วันเฉลิมดูแลแผลลำยองตามเนื้อตัว
"ต้องใส่ยาแผลจะได้แห้ง"
วันเฉลิมเตรียมยามาใส่แผล ตาปอรื้อถุงของ เจอขนมก็จับยัดใส่ปาก เหมือนตายอดตายยาก
"ไอ้ปอ มึงทำไมตะกละยั้งงี้" แลถาม
"ไม่เป็นไรหรอกครับยาย ปล่อยตาเถอะ"
ตาปอเหมือนกลัวโดนแย่ง ไปหลบมุมหนึ่งหันหลังรีบยัดขนมใส่ปาก
"ไอ้วัน...เอ็งไปอยู่กับพ่อเอ็งซะเถอะ"
"ผมไปแล้วใครจะดูแลแม่ดูแลยายกับตาล่ะครับ"
"ช่างมันเถอะ อีหน่อยก็ตาย ๆ กันแล้ว"
"ยายอย่าพูดยังงี้สิครับ แม่ยังอยู่อีกนาน ตาด้วย ยายด้วย ซักวันแม่ต้องหาย ผมจะหางานทำจะได้มีเงินพอพาแม่ไปหาหมอ"
"เอ็งจะไปทำงานอะไร ตัวแค่นี้ใครเขาจะจ้าง"
"ใครจ้างอะไรผมก็ทำทั้งนั้นครับยาย ขอให้ได้เงินเท่านั้นก็พอ"

วันเฉลิมสะพายกระติกไอศกรีมเดินขายไปกลางตลาด ลูกค้าเรียกซื้อ เขาเปิดกระติกหยิบไอศกรีมออกมาขาย รับเงินมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงที่รัดหนังยางไว้แน่นหนากันร่วงหล่น
อีกมุมสันต์กับเทวีกำลังเลือกซื้อผ้าถุง-ผ้าขาวม้ากันอยู่ เทวีหันมาเห็นอย่างบังเอิญแล้วถึงกับอึ้งชะงักไปชั่วขณะ
"คุณ"
สันต์ที่เลือกผ้าขาวม้าอยู่มองตามสายตาเทวี เห็นวันเฉลิมกำลังขายไอศกรีมให้ลูกค้าอีกคน สันต์อึ้งไปอึดใจก่อนจะรีบวิ่งตามวันเฉลิม
"วัน วัน"
วันเฉลิมหันกลับมาเห็นพ่อ สันต์มองวันเฉลิมอย่างอดสะเทือนใจไม่ได้
"พ่อมาเยี่ยมย่าหรอครับ"
สันต์พยายามพูดน้ำเสียงเป็นปกติ
"ขายดีไหมลูก"
"ครับ บ่าย ๆ ก็หมดแล้ว เถ้าแก่เขาใจดีครับ ให้สองกระติกสิบบาท"
สันต์พูดไม่ออก
"ผมไปขายของก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องรีบกลับไปดูแม่ ใกล้เวลาต้องกินยาแล้วครับ"

วันเฉลิมสั่นกระดิ่งเดินจากไป เทวีเข้ามาหาสันต์ รู้ดีว่าผัวสะเทือนใจขนาดไหน
ยายแลรับผ้าถุงพิมพ์ลายใหม่เอี่ยมสองผืนจากสันต์

"ผ้าขาวม้านี่ให้น้าปอครับ"
ตาปอดึงผ้าขาวม้าไปกอด ดีใจจนตัวสั่นเหมือนเด็ก ๆ
"ของแห้งพวกนี้เผื่อเอาไว้ขาดเหลือนะครับ"
ยายแลปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ด้วยความซึ้งในน้ำใจ สันต์อึ้งชะงักไปเหมือนกัน
"น้าแล"
"พ่อคุณ...ทำไมเอ็งถึงมีน้ำใจขนาดนี้ อุตส่าห์นึกถึงกันยามยาก"
"อะไรที่ผมช่วยได้ ผมก็ยินดีแล้วก็เต็มใจน้าแล"
"ข้ามันโง่เอง...เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นความดีของเอ็งยังงี้ ข้ามันโง่เง่าแท้ ๆ"
สันต์ปลอบใจแล
วันเฉลิมกลับเข้ามาพ้อมกระติกขายไอศกรีม
"แม่เป็นยังไงบ้างครับยาย ตื่นรึยัง"
ยายแลป้ายน้ำตาทิ้ง
"มันหลับดี วันนี้หลับยาวไม่กวนเลย"
"วัน...รองเท้าขาดหมดแล้ว พ่อจะพาไปซื้อคู่ใหม่นะลูก"
"ผมขอแลกเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ รองเท้าถึงมันจะขาด แต่มันก็ยังกันเจ็บเท้าได้อยู่ ผมอยากได้เสื้อนักเรียนให้น้องเหน่งมากกว่าครับ อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว น้องเหน่งยังไม่มีเสื้อเลยครับ"

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12/2 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12 พ.ย. 56

ชุด, ลำยงมองไปบนลิเก เณรมองตาม แต่ไม่เห็นใครเพราะลำยองนอนอยู่ เห็นแต่ฉากลิเกผุ ๆ พัง ๆ รุ่งริ่ง กระพือตามแรงลม
"อย่าขึ้นไปเลยเณร" ชุดบอก
คำพูดของชุดยิ่งเป็นเหมือนคำเชิญ เณรขยับปีนบันไดขึ้นไปบนโรงลิเก เห็นลำยองนอนเน่าแผลเต็มตัวจนแทบจำไม่ได้
"โยมแม่"

ลำยองค่อย ๆ ลุกขึ้นเกาแผลที่น่องตัวเอง
"เฮ้ย...ไอ้พวกเหล่าเสนาอำมาตย์ เสด็จพี่ของกูอยู่ไหน"


เณรน้ำตาแทบร่วง
"โยมแม่"
ชุดกับพวกเด็กวัดตามขึ้นมาบนโรงลิเก ลำยงส่งผ้าห่มให้ชุด ยายแลยืนลุ้นอยู่ข้างล่าง
"น้าจะอ้อมไปทางข้างหลังนะ พอโยนผ้าคลุมตัวได้ก็ช่วยกันรุมจับให้อยู่"
ชุดพยายามซ่อนผ้าห่มไว้ข้างหลังเดินอ้อมไปด้านหลัง ลำยองตาขวางมองทุกคนไม่ไว้ใจ
"พวกมึงจะทำอะไรกู"
"โยมแม่ ไปหาหมอเถอะนะครับ"
"ใครเป็นแม่มึง"
ชุดได้จังหวะ เหวี่ยงผ้าห่มคลุมตัวลำยองจากข้างหลัง ลำยองพยายามจะปัดผ้าห่มทิ้ง เด็ก ๆ กรูเข้าจับตัว ลำยองแรงมากเตะถีบสุดกำลัง ใครก็เอาไม่อยู่
"จับไว้ จับแน่น ๆ สิโว้ย" ลำยงบอก
เณรตกตะลึง
"แอร๊ย"
ลำยองดิ้นรนสุดฤทธิ์จนหลุดออกมาได้...กระโจนลงจากโรงลิเกทันที
"อีลำยอง" ยายแลร้องเรียก
"โยมแม่"
"อย่าให้หนีไปได้นะโว้ย" ชุดบอก
"จับไว้ จับไว้"
ชุดกระโดตามลงมาแต่ข้อเท้าพลิก เณรออกวิ่งตามลำยองไปทันที

ลำยองวิ่งเซซังมาสุดแรง ชาวบ้านสัญจรแถวนั้นวงแตกกระเจิง ลำยองวิ่งชนข้าวของกระจาย
"ว๊าย...คนบ้า"
เณรวิ่งตามมาห่าง ๆ
"โยมแม่...โยมแม่จะไปไหน นี่วันเฉลิมนะครับ โยมแม่อย่าหนีเลย เราจะพาโยมแม่ไปหาหมอ ไปรักษาตัวครับโยมแม่"
เณรตะโกนเรียกไปน้ำตาร่วงไป
ลำยองวิ่งอยู่ข้างหน้าเลิ่กลั่กหันมาเป็นระยะอย่างหวาดกลัว กรีดร้องเป็นระยะ ๆ ชาวบ้านตามรายทางต่างวงแตก ลำยองสะดุดล้มลง
"โยมแม่"
ลำยองคลานพรวดพราด ผ้าถุงหลุด กองทิ้งไว้กับพื้น วิ่งต่อ เณรที่ตามมา รีบเก็บผ้าถุงแม่ วิ่งตามไม่ลดละ
"โยมแม่ อย่าไป เดี๋ยวรถชนเอา...โยมแม่"
ลำยง, ชุด, แลวิ่งตามมาห่าง ๆ ทิ้งระยะจากเณร
ชาวบ้านบอก
"คนบ้าโว้ย แก้ผ้าด้วย"
ชาวบ้าน 2 บอก
"เณรไล่จับผู้หญิง"
ยายแล, ลำยง น้ำตาร่วง ชาวบ้านข้างถนนวงแตกหลีกทางหนีคนบ้า ลำยองสะดุดขาตัวเองล้มลง เณรวิ่งตามมาจนทัน คว้าขาลำยองเอาไว้ได้ แล้วรีบกอดรัดลำยองเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้ พร้อมกับเอาผ้าถุงคลุมตัวลำยองไว้
ลำยองยังพยายามดิ้น ร้องทั้งที่หมดแรง เณรกอดรัดแม่เอาไว้ทั้งน้ำตานอง ลำยง, ชุด, แล วิ่งตามมาจนทัน
ชาวบ้าน 1บอก
"อุบาทว์ชาติชั่ว เป็นพระเป็นเจ้าวิ่งไล่จับผู้หญิงแก้ผ้า"
ชาวบ้าน 2 บอก
"อัปรีย์จริง ๆ ศาสนาเสื่อมหมด ไอ้พวกไม่มีสมอง มารศาสนาแท้ ๆ"
ลำยงอัดอั้นตันใจจนถึงที่สุด ระเบิดอารมณ์ออกมาต่อหน้าทุกคน
"พวกมึงเป็นเหี้ยอะไร เขาเป็นแม่ลูกกัน แม่ไม่สบาย แล้วพวกมึงจะให้ลูกดูดายได้ยังไง พวกมึงอวดแต่ว่าเคร่งศาสนาแต่หัวใจพวกมึงทำด้วยอะไร"

เณรยังกอดรัดแม่เอาไว้แน่นร้องไห้ ลำยองหมดเรี่ยวแรงแล้ว ท่ามกลางวงล้อมไทยมุง
โรงพยาบาล ในเวลาต่อมา พยาบาลรีบวิ่งออกมาดู บุรุษพยาบาลช่วยกันจับตัวลำยอง แต่จับไม่อยู่เพราะลำยองดิ้นรนเตะถีบ เณรยังกอดรัดตัวแม่เอาไว้ ลำยง,ยายแล,ชุดตามหลัง

"ช่วยกันจับหน่อยครับ ช่วยกันจับด้วย"
ลำยองอ่อนแรงแล้ว แต่ยังไม่หมดฤทธิ์
"ปล่อยกู ปล่อยกู"
"คนบ้านี่ ทำไมไม่เอาไปส่งบ้านสมเด็จ เอามาทำไมที่นี่ ตัวสกปรกจังเลย" พยาบาลบอก
"เคยเอาไปส่งบ้านสมเด็จแล้วค่ะ แต่หมอที่นั่นบอกให้เอามาส่งโรงพยาบาลธรรมดา บอกว่าอะไรขึ้นสมองก็ไม่รู้" ลำยงบอก
บุรุษพยาบาลวิ่งไล่จับลำยองไว้ หมอออกมาดูพอดีเพราะเสียงดังกันมาก
"คนไข้เป็นอะไร อลหม่านกันไปหมด" หมอถาม
"เสด็จพี่ เสด็จพี่ของน้องหนีน้องมาอยู่นี่เอง เสด็จพี่"
ลำยองจะโผเข้าหาหมอ แต่เณร บุรุษพยาบาลฉุดเอาไว้ได้ หมอเข้าห้องตรวจ
"พาเข้าไปในห้องตรวจก่อน"
บุรุษพยาบาลล็อกตัวลำยองจะพาเข้าห้องตรวจ เณรยังไม่ยอมปล่อยแม่
"เณรรออยู่ข้องนอกเถอะค่ะ เณร" พยาบาลบอก
เณรไม่ยอมปล่อยแม่เข้าไปในห้องตรวจด้วย
"เณร เณร"

ในห้องตรวจ บุรุษพยาบาลต้องล็อกตัวลำยอง กดลงนอนเพื่อตรวจ
"แม่ครับ แม่ให้หมอตรวจเถอะนะครับ หมอจะได้รักษาแม่ แม่จะได้หาย"
"เณรออกไปคอยข้างนอกก่อนเถอะค่ะ"
"อาการหนักมากแล้วนะเนี่ย" เณรบอก
"ช่วยรักษาแม่ผมด้วยเถอะนะครับหมอ"
"ห้องผู้ป่วยเตียงคนไข้เต็มหมดแล้วนะคะหมอ คงรับตัวไว้ไม่ได้หรอกนะคะ" พยาบาลบอก
เณรคุกเข่าลงยกมือไหว้หมอ และพยาบาล น้ำตาไหลพราก
"ช่วยแม่ผมด้วยเถอะครับ ช่วยรับตัวแม่ผมไว้รักษาด้วยนะครับ"
หมอ, พยาบาลอึ้ง ลำยองยังดิ้นทุรนทุราย

ลำยง, ชุดเดินกลับมาพร้อมเอกสารประจำตัวคนไข้ ยายแลนั่งคอยอยู่กับเณร
"ได้บัตรมาแล้วแม่" ลำยงบอก
"แล้วหมอเขาจะรับตัวมันไว้ไหม"
หมอออกมาจากห้องตรวจ
"หมอให้ยานอนหลับคนไข้แล้ว ไม่อย่างนั้นอาละวาดไม่ยอมหยุด หมอจะรับตัวคนไข้ ไว้ชั่วคราวนะ"
เณรยิ้มออกทั้งคราบน้ำตา
"สาธุ เณร ได้ยินไหม ไม่ต้องห่วงแล้วนะ" ลำยงบอก
"ขอบคุณครับ"
"ตกลงแกเป็นอะไรครับหมอ" ชุดถาม
"ซิฟิลิส...ขั้นสุดท้ายแล้วเพราะเชื้อขึ้นสู่สมอง"
"รักษาให้หายได้ใช่ไหมครับ" เณรถาม
"เณร...หมอทำได้ดีที่สุด ก็แค่ช่วยให้คนไข้หายคลั่งด้วยยาเท่านั้นเอง คนไข้มาช้าเกินไป"
"แล้วมันจะอยู่ได้อีกนานไหมคะ" แลถาม
หมอนิ่งอึ้งโดยเฉพาะเมื่อเจอสายตาเณรที่ตั้งใจฟังคำตอบจากหมอ

ภายในโบสถ์ที่มืดสลัวเวลาค่ำ แสงสว่างสาดลงจางๆที่องค์พระประธาน กับเณรซึ่งกราบพระอยู่
เณรพยายามสงบใจตัวเอง หวังให้การสวดมนต์ก่อกุศลส่งไปถึงโยมแม่ อย่างน้อยก็คลายความเจ็บปวดทรมานลงบ้าง
ค่ำต่อมา หน้ากุฎิ หลวงตาปิ่นเดินออกมา ชะโงกมองเณรที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่บันไดกุฎิ
"อ้าว...เณร กลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะ หายไปไหนมาจนค่ำ"
เณรร้องไห้อย่างสุดที่จะกลั้นเอาไว้
"ร้องไห้ทำไมเณร"
"ผมพบโยมแม่แล้วครับหลวงตา พาแม่ไปหาหมอแล้ว หมอให้อยู่ที่นั่นชั่วคราว"
"ก็ดีแล้วนี่เณร ได้อยู่ใกล้หมอก็ไม่น่าห่วงอะไร"
"ผมกำลังนึกว่า พอโยมแม่ค่อยยังชั่วกลับมาอยู่บ้าน ใครจะเป็นคนคอยดูแลโยมแม่ แล้วยังน้องๆอีก โยมยายคนเดียวก็คงไม่ไหว ผมคิดว่าผมคงต้องสึกครับหลวงตา"
ที่วัด เวลากลางวัน

"อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยเณร หมอสมัยนี้เขาเก่ง แม่เขาอาจจะหายสบายดี ไม่ต้องให้ใครดูแลก็ได้ ย่าว่าใจเย็นไว้ก่อนเถอะ" ปั้นบอก
"โยมย่าไม่ได้เห็นอาการของโยมแม่นี่ครับ"
"มันหนักหนานักรึไง ยัยแล"
ยายแลพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า
"แต่ยังไง ย่าก็ไม่อยากให้เณรใจร้อน รอไปอีกหน่อยเถอะ นึกถึงปู่นึกถึงพ่อเขามั่งเถอะนะเณร"
"อุตส่าห์ได้บวชได้เรียนให้ยายได้อาศัยเกาะชายผ้าเหลืองทั้งที อย่าเพิ่งสึกเลยนะเณร ยายจะดูแลแม่เขาให้เอง" แลพูดพลางน้ำร่วง
"ผมกับโยมแม่คงทำกรรมหนักหนาร่วมกันมาในชาติก่อน ถึงต้องมารับกรรมร่วมกันในชาตินี้ หนี้เวรหนี้กรรมของผมคงยังไม่หมดง่ายๆ ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ โยมยาย"
ปั้น, ยายแลพูดไม่ออก

สันต์ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างคลั่งแค้น เมื่อรู้ข่าว
"กูจะฆ่ามึง อีลำยอง กูฆ่ามึง"
"ใจเย็นๆคุณ...ใจเย็นๆก่อน"
"อีนี่มันเป็นมารล้างผลาญชีวิตลูก ทำไมมันไม่ตายๆไปให้สิ้นเรื่อง จ้องแต่ทำลายอนาคตลูก หนังเหนียวนัก กูจะฆ่ามึงด้วยมือกูเอง อีลำยอง"
สันต์ผลุนผลันออกไปให้ได้ เทวีพยายามฉุดดึง แต่ถูกแรงเหวี่ยงจนเซ ปั้นตบหน้าสันต์ เรียกสติให้กลับคืนมา... สันต์ชะงักนิ่งงัน
ปั้นอั้นอยู่ในอก กลั้นสะอื้นเอาไว้
"ฆ่ามันแล้วเอ็งได้อะไร ติดคุกติดตะรางคิดดูบ้างไหม แล้วลูกเต้าจะอยู่กันยังไง"
สันต์ทรุดลงหมดเรี่ยวแรง
"ลำยองมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก เณรเขาจะสึกออกมาชั่วคราวแค่จะได้ดูแลแม่เท่านั้นเอ็ง อย่าใจร้อนไปเลยลูกเอ๊ย คิดในด้านดีเอาไว้บ้าง ว่าเขาใฝ่ดี...แม่เขาทั้งคนอุ้มท้องเขามา เลี้ยงเขามาจนโต จะดีจะเลวยังไงก็แม่ของเขานะลูก เขาทำความดีออกอย่างนี้แล้ว เราจะขัดขวางเขายังไงได้ คนดีมีความกตัญญูกตเวที ยังไงก็ไม่มีวันตกอับหรอก เชื่อแม่เถอะนะ ปลงซะเถอะ ทำใจให้ได้ อาฆาตมาดร้ายเขา เราเองนี่แหละจะเป็นทุกข์" ปั้นพูดทั้งน้ำตา
"ลูกได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว กลับถูกกระชากให้กลับลงมานรก"
"เชื่อแม่เถอะว่าถึงเราไม่อนุญาตให้สึก เณรก็ต้องแหกผ้าเหลืองสึกออกมาอยู่ดี"

ภายในโบสถ์ เจ้าอาวาสกำลังทำพิธีลาสึกให้เณรอย่างเรียบง่าย หลวงตาปิ่นนั่งอยู่ด้วย
เจ้าอาวาสกล่าวคาถาลาสึก แล้วดึงปลดผ้าบางชิ้นออกจากตัวเณร..เป็นอันเสร็จพิธี
เณรก้มลงกราบพระประธานด้วยใจเศร้าหมอง

วันเฉลิมใส่กางเกงขาสั้นนักเรียน เสื้อมอมๆธรรมดาเดินออกมาจากโบสถ์ สันต์, เทวียืนรออยู่ข้างล่างมองวันเฉลิมด้วยอาการซึมสิ้นหวัง วันเฉลิม ค่อยๆเดินลงบันไดมาหาสันต์ที่ขยับเข้าไปกอดลูก
"ผมเสียใจครับพ่อ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง แต่ผมไม่มีทางเลือก"
"ลูกเลือกได้ถ้าจะเลือก แต่ลูกไม่เห็นแก่ตัวพอ ลูกรักตัวเองน้อยเกินไปรักคนอื่นมากไป"
"แต่คนอื่นคนนั้นคือแม่ของผมเอง ถ้าแม่ตกนรก ผมก็จะลงไปนรกเพื่อช่วยแม่ครับ"
"ลูกก็รู้ว่า ถ้าตกนรกแล้วช่วยกันไม่ได้ กระทั่งบุญที่ทำมาเองยังไถ่ถอนกันไม่ได้ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ทุกคนต้องช่วยกันเอง แล้วถ้าพ่อตกนรกล่ะวันจะช่วยพ่อไหม"
"พ่อไม่มีทางจะตกนรกหรอกครับ เพราะพ่ออยู่ในโลกมนุษย์จริงๆ ถึงจะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ก็เถอะ แต่ก็เฉียดๆเข้าไปแล้ว ครอบครัวของพ่อเป็นสุขดีมีหลักฐาน บ้านที่เป็นบ้านน่ะไม่ใช่สวรรค์หรอกเหรอครับ"

สันต์นิ่งงันกับความคิดของลูก เทวีสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันเฉลิมเดินออก สันต์, เทวี เดินตามไปที่หน้าโบสถ์หลวงตาปิ่นที่ยืนมองปลงตก เสียดาย
ลำยองตาลอย แผลเต็มตัว ซึมและมึนด้วยฤทธิ์ยาถูกประคองลงนอน

ชุดบอก
"เอ็งอย่าลืมอาบน้ำฟอกสบู่ซักสองรอบนะโว้ย...แล้วนี่หมอเขานัดไปตรวจอีกทีเมื่อไหร่"
"ยาหมดเมื่อไรก็ค่อยพาไปครับ"
"อืม...เอาไว้ดูกันอีกที"
ชุดลุกออกมา สันต์, ยายแลยืนดูอยู่มุมหนึ่ง
วันเฉลิมดูแลห่มผ้าให้ลำยอง
"มันคงไม่รู้ตัวมันหรอกมังว่าทำบาปขนาดไหน ขนาดพระเณรมันยังทำสึกออกมาจนได้...อีลำยองนะ อีลำยอง"
ตาปอเข้ามาสะกิดสันต์
"มาหาใคร"
"ไอ้ปอ มึงไปไกลๆ"
"ขอตังค์มั่งสิ จะเอาไปซื้อไอติม"
ยายแลฟาดแขนหลายเผียะ
"ไอ้ปอ"
"อย่าไปตีแกเลยน้าแล"

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 12 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 11/2 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 11/2 พ.ย. 56

ลำยองนอนตัวงอ หันหลังให้อยู่
"ป๊าว่าคนบ้ามากกว่าขอทานนะ"
"น่าสงสารนะป๊า ไม่รู้มีตังค์ซื้อข้าวกินรึเปล่า ขอยี่สิบสิป๊า ตี๋อยากเอาไปให้เขา"
กวงกำลังจะหยิบเงินให้ ลำยองขยับลุกขึ้นนั่งพอดี กวงอึ้งตะลึงงัน วินาทีแรกคือ ไม่แน่ใจแต่เมื่อเพ่งมองกวงก็จำได้ ใจหายแล้วอึ้ง

กวงแทบไม่เสียงเล็ดลอดออกมา
"ลำยอง"
ลำยองทำท่าจะคลานออกไป


"ป๊าเร็ว ๆ สิ เขาจะไปแล้ว"
กวงหยิบแบ้งค์ร้อยออกมาส่งให้อภิชาติ
"อู้อู ...ให้ตังร้อยนึงเลยหรอป๊า ป๊าใจดีจัง"
"ให้เขาไปเถอะตี๋"
อภิชาติถือเงินเดินเข้าไปหาลำยอง กวงมองลูกและลำยองตัวแข็งขนลุกซู่ซ่า ช่างเป็นภาพสะเทือนอารมณ์ อภิชาติขยับเข้าไปใกล้ลำยอง อภิชาติยื่นเงินให้
"นี่ นี่ เอาตังค์ไปซื้อข้าวกินนะ"
ลำยองหันกลับมา กวงเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นสภาพเต็มตาอีกครั้ง บาดแผลขึ้นเต็มหน้าใบหน้า อภิชาติผงะตกใจ ลำยองคว้าเงินไปจากมืออภิชาติ ดีใจจนหัวเราะร่า
"ตี๋...มาหาป๊ามา"
"บ้านอยู่ไหนนะ กลับบ้านไปซะ"
ลำยองจ้องมองอภิชาติเขม็งแล้วค่อย ๆ เพ้อออกมา
"ลูก ลูก ลูก"
ลำยองค่อย ๆ ขยับเข้าหาอภิชาติที่ขยับถอยหนี
"ลูกแม่"
ลำยองพุ่งพรวดเหมือนจะคว้าตัวอภิชาติ กวงดึงลูกออกไปได้ทันควัน ลำยองคะมำหน้าทิ่มแล้วเดินออกไปพูดไปเหมือนลูกอยู่
กวงพาอภิชาติถอยออกไปไกลพ้นรัศมีลำยอง
"ลูก...ลูกแม่" ลำยองร้องไห้ฟูมฟาย

กวงพาอภิชาติกลับเข้ามาแล้วพูดอะไรไม่ออก
"คนบ้าจริง ๆ ด้วย ทีแรกตี๋คิดว่าเป็นขอทานเฉย ๆ"
"เขาคงไม่สบายมากนะตี๋"
"ตัวเน่าด้วย ตี๋ได้กลิ่นเหม็นเน่า ให้ยามไล่ไปเหอะป๊า ยัยนี่สกปรก"
"ไม่ต้องไปไล่เขาหรอกตี๋ ป๊าว่าเดี๋ยวเขาก็ไปของเขาเอง"
"แล้วทำไมไม่มีใครดูแลเขาล่ะป๊า"
"เขาคงตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องก็ได้"
"แต่ยัยนี่เรียกลูกด้วยนะป๊า ตี๋ได้ยิน"
กวงสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

รถกวงแล่นออกมาจากโรงงาน กวงขับรถเองเห็นลำยองที่รำป้ออยู่ข้างถนนจนเซเข้ามาแปะกับข้างรถ อภิชาติหลับตาปี๋ด้วยความกลัว กวงลุ้น ลำยองผละออกไปห่างจากรถ กวงมองผ่านกระจะมองหลัง อภิชาตมองไปทางด้านหลัง ทิ้งห่างลำยองไกลออกมาเรื่อย ๆ เห็นลำยองรำเซซังไปมา

เช้าวันพระ ที่ศาลาวัด ชาวบ้านตักข้าวใส่บาตรที่ตั้งเรียงราย ชาวบ้านอีกส่วนจัดสำรับของคาว-ของหวาน ยายแล, ปั้น กราบพระประธานบนศาลาเสร็จพอดีก็พบว่าเณรเดินตรงเข้ามาหา
"เณร"
"โยมแม่ไม่ได้มาด้วยเหรอครับโยมยาย"
ปั้น, แล หันสบตากันแว่บนึง
"ไม่ค่อยสบายน่ะเณร นอนอยู่บ้านน่ะแหละ" แลว่า
"ไม่สบายเป็นอะไรครับ"
"ก็แค่ปวดหัวเป็นไข้นิดหน่อยน่ะเณร ไม่มีอะไรหรอก"
ปั้นหาทางเปลี่ยนเรื่อง
"ได้ยินหลวงลุงท่านว่า ท่านเณรสอบนักธรรมตรีได้แล้วเหรอจ๊ะ"
"ครับ...ต้นปีหน้าก็จะสอบชั้นโท"
"สาธุ...สอบให้ได้ชั้นเอกตั้งแต่ยังเป็นเณรยังงี้เลยนะจ๊ะ"

บนกุฏิหลวงตาปิ่น หลวงตาปิ่นถามสันต์
"มันหายไปได้ยังไง"
"ลำยงเล่าให้ฟังว่า กระโดดรถหนีตอนพากลับจากโรงพยาบาลครับ"
"ถึงว่า...หมู่นี้เณรดูกระวนกระวาย"
"ผมไม่แน่ใจว่า เราจะปิดความจริงไว้ได้นานแค่ไหนกัน"
"กรรมเอ๋ยกรรม ปลงเสียบ้างเถอะพ่อสันต์ ยกธรรมะเข้าข่มบ้าง ความจริง ยังไงก็ต้องเป็นความจริงวันยันค่ำ แต่เด็กอย่างเณรน่ะ ถึงยังไงก็ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก"

บ้านยายแล ตาปอตักน้ำราดตัวเองซู่ซ่า ยายแลนั่งกอดเข่าเหมือนปลงตกกับชีวิต ใจลอย
เณรเดินเข้ามาหยุดมอง
"โยมยาย โยมยาย"
ยายแลหันมาเห็น รีบลุกมารับหน้า
"โยมแม่อยู่ไหมครับ"
"ไม่อยู่หรอกจ๊ะเณร"
"ไปไหนครับ ก็ไหนว่าไม่ค่อยสบาย"
"ไปหาหมอแล้ว ค่อยสบายขึ้นแล้วจ๊ะ ก็เลย...ก็เลยไปบ่อนน่ะจ้ะ"
"ยังเข้าบ่อนอยู่อีกเหรอครับ"
"ใครห้ามก็ไม่ฟัง แต่มันก็เล่นนิด ๆ หน่อย ๆ น่ะเณร"
ยายแลฝืนหัวเราะแล้วพูดต่อ
"ไม่ค่อยมีเงินหรอก อีหน่อยมันคงเลิกได้ ได้ยินบ่น ๆ อยู่เหมือนกันว่ามันเบื่อแล้ว เหล้ามันก็เลิกแล้วนะเณร เลิกเหล้าได้ ทำไมบ่อนมันจะเลิกไม่ได้ล่ะ จริงไหมเณร"
ยายแลกลั้วหัวเราะ
"หนาวโว้ย หนาว ๆ ๆ" ปอปากคอสั่นฟันกระทบ
เณรหันไปมองตาปอ ยายแลน้ำตาร่วงเผาะหลังเณร เสี้ยววินาทีแล้วรีบป้ายน้ำตาทิ้ง
"อีแล กูหนาวจังเลยวะ"
"จะไม่หนาวได้ยังไงละมึง เล่นน้ำมาครึ่งวันค่อนวันแล้ว ปอดบวมกินตาย"

ยายแลหาผ้ามาเช็ดตัวเช็ดหัวให้ตาปอ เณรมองตากับยายแล้วค่อย ๆ หันไปมองมุมที่ลำยองเคยนอนคิดถึงและเป็นห่วงแม่
กลุ่มเด็ก ๆ ที่คลานขึ้นโรงลิเก จนเห็นลำยองนอนแบะอยู่บนโรงลิเก เสื้อผ้า-เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แผลทั้งแห้งตกสะเก็ดและประทุขึ้นสดใหม่เยิ้มทั้งตัว เด็ก ๆ เอาไม้ยาวๆแหย่จิ้มตัวลำยอง
ลำยองลุกพรวดขึ้นมา เด็ก ๆ วงแตก หัวเราะกันสนุกสนาน ยั่วให้ลำยองไล่
"อีบ้า หาผัว ตัวเน่า อีบ้า หาผัว ตัวเน่า"
ลำยองเกรี้ยวกราดไล่คว้าจะจับตัวเด็ก ๆ แต่ก็จับไม่ได้ ลำยองล้มหัวทิ่มหัวตำ น่าสังเวช แต่เป็นที่ขบขันเป็นนักหนาสำหรับเด็ก ๆ

ลำยง, ชุด ช่วยกันขายของให้ลูกค้า ลำดวนรีบวิ่งเข้ามา
"พี่ลำยง พี่ลำยง มีคนเขาบอกว่าเจอพี่ลำยองแล้ว"
"ที่ไหน" ลำยงถาม
"แถวโรงลิเกเก่าโน่น"
"พี่ชุด...ไปช่วยกันหน่อยเจอตัวพี่ลำยองมันแล้ว"
"ใช่แน่เหรอ"
"ใช่ไม่ใช่ก็ไปดูกันก่อนเถอะน่า"
"ไปกันหมดแล้วใครจะเฝ้าร้านล่ะ"

ลำยองยังวิ่งไล่เด็ก ๆ อย่างเกรี้ยวกราดเด็ก ๆ สนุกไม่รู้เบื่อ
"ผ้าจะหลุดแล้วโว้ย...จะหลุดแล้ว"
ลำยองกระพือผ้าถุงแล้วทรุดลงร้องไห้ฟุบหน้า
"อีบ้า ไล่อีกสิวะ เฮ้ย"
เด็ก ๆ เอาหินโยนยั่วใส่ลำยอง ลำยง, ชุดรีบมาถึงพอดี
"เฮ้ย ทำอะไรกันพวกมึง รังแกเขาทำไมวะ" ชุดว่า
"ก็อีนี่มันเป็นบ้า" เด็กๆบอก
"เป็นบ้าแล้วรังแกได้รึไงวะ ถ้าเขาเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องพวกมึงล่ะ"
เด็ก ๆ ถอยไปอยุ่มุมหนึ่ง ลำยงมองอย่างนึกลุ้น ขออย่าให้เป็นลำยองเลย ลำยองโล้ตัวไปมาแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ลำยงเห็นเต็มตาว่าเป็นลำยอง
"เอาไงดีลำยง"
"ให้ฉันลองเข้าไปคุยก่อน"
"ระวังตัวด้วยนะ"
ลำยงค่อย ๆ ขยับเข้าไป ใกล้ลำยองที่ค่อย ๆ นอนเอกเขนกตะแคงสิงหไสยาสน
"พี่ลำยอง"
ลำยองไม่รู้จักชื่อตัวเอง, ค่อย ๆ หลับตาพริ้มลง
"พี่ลำยอง จำฉันได้ไหม ลำยงไงล่ะ พี่ลำยอง"
ลำยองค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกที มองลำยง
"ฉันลำยง น้องพี่ไง"
ลำยองลุกพรวดขึ้นนั่ง ชี้หน้า เกรี้ยวกราด
"ต่อหน้ากูทำไมมึงไม่คุกเข่าอีขี้ข้า กูเป็นนางฟ้านะมึง เดี๋ยวกูสาปให้เป็นคางคกซะเลยนี่"
เด็ก ๆ ที่มุงดุไกล ๆ หัวเราะสนุก
"พวกมึงหัวเราะอะไรกัน กูเป็นพระแม่ เป็นเสด็จแม่นะมึง พวกมึงบังอาจ"
ลำยองวิ่งเข้าหากลุ่มเด็ก ๆ จนวงแตก เด็กๆ สนุกกันสุดเหวี่ยง ลำยองค่อย ๆ ทรุดลงนั่งร้องไห้คว้าตัวใครไม่ได้ซักคน
"ไอ้พวกเทวดาผู้ชายมันขี้อิจฉาไม่อยากให้ผู้หญิงได้ดี...มันให้ข้าลงมาเกิด ลงมาลำบาก ต้องมีลูก...ลูกข้าเขามีบุญมากนะ เขาเกิดวันดีด้วย อีกหน่อยเขาจะได้เป็นพระอินทร์ ลูกจ๋า...ลูกอยู่ไหน เสด็จแม่ลำบากเหลือเกิน"
ลำยองร้องไห้ฟูมฟาย เรื่องจริงเรื่องสมมุติปะปนจนเป็นเรื่องเดียว

ลำยงเข้ามาหาชุด
"เอาไงดีพี่ชุด"
"ท่าทางแรงมันเยอะนะ เผลอ ๆ เราสองคนก็เอาไม่อยู่หรอก"
"ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก"
"เกิดมันวิ่งหนีเตลิดไปเหมือนคราวก่อนอีก จะทำยังไง"
"ผ้าจะหลุดแล้วโว้ย จะหลุดแล้ว"

เด็ก ๆ หัวเราะชอบใจ ลำยง, ชุด หันไปมองลำยองลุกขึ้นรำป้อ ผ้าถุงจะหลุดมิหลุดแหล่
ชุด, ลำยง เข้ามาหากลุ่มเด็ก ๆ
"ไอ้หนู...อยากได้เงินใช้กันไหม"
"ใครจะไม่อยากได้ น้าถามแปลก"
"งั้นก็ช่วยน้าจับคนบ้านี่หน่อย น้าจะเอาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล น้าให้คนละห้าบาท" ชุดบอก
เด็ก ๆ มองหน้ากัน เงินน่ะอยากได้ แต่...
"โอ้ย ห้าบาท ไม่เอาหรอก เกิดติดหนองติดโรคอีบ้านี่ขึ้นมาไม่คุ้มกันหรอก"
"เดี๋ยวจะซื้อยาฆ่าเชื้อโรคมาให้ล้างมือด้วยเอ้า" ลำยงบอก
"ไม่เอาหรอก"
"งั้นเอาไปคนละสิบบาท" ลำยงต่อรอง
เด็ก ๆ ลังเลมองหน้ากัน แล้วถามกัน
"เอาไหมวะ"
"ไม่ต้องจับเดี๋ยวนี้หรอก น้าจะกลับไปเอาผ้าห่มมาห่อตัวแกก่อน ไม่งั้นจับไม่อยู่แน่" ลำยงบอก
"สิบบาท จ่ายก่อนได้ไหมล่ะ"
"อะไรวะ งานยังไม่ได้ทำเลยจะเอาเงินแล้ว"
"จ่ายไปก่อนคนละห้าบาท งานเสร็จค่อยเอาที่เหลือ...พี่ชุดฉันจะกลับไปเอาผ้าห่มก่อน พี่เฝ้าพี่ลำยองไว้ก่อนนะ"
ลำยงรีบผละออกไป ลำยองทรุดลงร้องไห้ฟูมฟาย

ภายในบ้าน ลำยงคว้าผ้าห่มเก่ารวบออกมา ยายแลออกมาพอดี
"จะเอาผ้าห่มไปไหนวะนังลำยง"
"เจอตัวพี่ลำยองแล้วแม่ ผ้าห่มนี่จะเอาไปห่อตัวมัน จะได้เอาไปหาหมอ"
"เจอมันที่ไหน"
"โรงลิเกหลังตลาดโน่น"
"ข้าไปด้วย"
"ดีเหมือนกันจะได้ช่วยกันจับ"
ลำยง ยายแล รีบออกมา แต่ต้องชะงักแทบก้าวขาไม่ออก เณรวันเฉลิมยืนอยู่หน้าบ้านได้ยินทุกอย่าง
"เณร"
"โยมแม่ทำไมไปอยู่หลังตลาดล่ะครับ"
"มันไม่ค่อยสบายน่ะเณร สงสัยจะไปเมาอยู่นั้น"
"ไม่สบายมากเหรอครับ ถึงต้องพาไปหาหมอ"
"ก็...นิดหน่อยนะเณร"
"เณรกลับวัดไปเถอะ เดี่ยวยายกับน้าจัดการเอง"
ลำยงลุนหลังแลเดินลิ่วออกไปทันที เณรตามติด
"แม่...อย่าให้เณรไปเลย"
"แล้วจะให้กูทำยังไง"
"ทำยังไงก็ได้"
ยายแลหยุดเดิน, หันกลับมาหาเณร
"เณร...ตามมาทำไมกัน กลับวัดไปเถอะ"
"ผมจะไปดูโยมแม่"
"เณรไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกน่า ยิ่งห่มเหลืองยังงี้ด้วย เอาไว้เรียบร้อยแล้วจะพาไปเยี่ยมละกัน ไปตอนนี้เกะกะเปล่า ๆ"
"ทำไมต้องว่าเกะกะด้วย โยมแม่เป็นอะไรมากใช่ไหม"
ยายแลปวดใจกัดปากแน่น
"เณร...เณรอยู่บนสวรรค์แล้ว อย่าไปเยี่ยมกรายดูนรกขุมนี้เลย"
ลำยงพูดทั้งที่รู้ว่าไม่ควรพูด
"ถ้าโยมแม่ผมอยู่ในนรก ผมก็ยินดีจะลงนรกไปช่วยดึงโยมแม่ขึ้นมา ถ้าช่วยไม่ได้ ผมจะลงนรกแทนโยมแม่เอง โยมน้าอย่าห้ามผมเลย"
ลำยงอึ้ง น้ำตาร่วงแต่รีบป้ายมันทิ้ง แล้วออกเดินต่อทันที เณรวันเฉลิม, ยายแลรีบเดินตาม

บริเวณโรงลิเกเก่า ชุดที่รออยู่ลุกพรวดขึ้นทันทีที่เห็นเณรตามมาด้วย ทุกคนเดินเข้ามา
"เณรมาได้ยังไง"
"ห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง เลยตามเลยเถอะพี่ชุด"
"ไหนล่ะครับ โยมแม่อยู่ไหน"
ชุด, ลำยงมองไปบนลิเก เณรมองตาม แต่ไม่เห็นใครเพราะลำยองนอนอยู่ เห็นแต่ฉากลิเกผุ ๆ พัง ๆ รุ่งริ่ง กระพือตามแรงลม

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 11/2 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์