อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

ลำยอง ค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ยายแลยังคงนั่งเหม่อลอย น้ำตาไหล ลำยองค่อยๆตะเกียกตะกายออกจากบ้านไปอีกทาง ยายแลมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จึงไม่ทันเห็นลำยองที่เดินออกจากบ้านไป
ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แม้จะยากเย็นและเจ็บปวด

ยายแลยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สันต์เดินพาวันเฉลิมกลับจากซื้อยามาให้ลำยอง


"น้าแล น้าแล สวัสดีครับ"
ยายแลหลุดจากภวังค์
"อ้าว พ่อสันต์ ไอ้วัน กลับกันมาแล้วเหรอ"
"หมอบอกว่า จ่ายยาชุดนี้สำหรับสองอาทิตย์ แต่ก็ไม่รู้ว่า..."
" วันเข้าไปดูแม่ก่อนนะครับพ่อ"
วันเฉลิมถือถุงยาเข้าไปในบ้าน เห็นเสื่อที่ลำยองนอนว่างเปล่า วันเฉลิมรีบวิ่งออกมาหาพ่อกับยาย
"พ่อครับ ยายครับ แม่หายไป"
"ว่าไงนะ"
สันต์กับยายแลรีบวิ่งเข้ามาดู เห็นจริงอย่างที่วันเฉลิมบอก ยายแลพุ่งเข้าไปหาในห้องน้ำ และหลังครัว
"อีลำยอง"
"ลำยอง...ลำยอง"
ยายแลวิ่งกลับมา
"ไม่มีเลยพ่อสันต์ นี่นังลำยองมันหายไปไหน สภาพมันแย่ขนาดนั้นมันจะหายได้ยังไง นี่กูทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า กูทำอะไรผิดอีกไหม"
"ใจเย็นๆครับน้าแล"
วันเฉลิมร้อนใจมาก
"แล้วเราจะไปหาแม่ที่ไหนครับพ่อ แม่จะไปไหน"
สันต์ครุ่นคิด
ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมานอนบนเวทีลิเก เลือดค่อยๆซึมออกจากทวารต่างๆของตัวลำยองนอนหมดแรง น้ำตาซึมอย่างเจ็บปวด แต่นัยน์ตายังมองเวทีลิเกอย่างโหยหาวันเก่าๆ
ในอดีต แลลากลำยองที่แต่งตัวสวยเจิดจรัสเข้ามา ลำยองตามมาอย่างไม่เต็มใจนัก
"พามาดูลิเกอีกแล้วแม่ น่าเบื่อจะตาย"
"น่าเบื่ออะไรวะ สนุกออก พระเอกก็หล่อ นางเอกก็สวย" แลว่า
ลำยองเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสันต์ในวัยหนุ่มแรกรุ่นที่มาส่งปั้นดูลิเก
เธอตกหลุมรักเขาทันที ราวกับรักแรกพบ สันต์เงยหน้าขึ้นสบตา แล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ ลำยองยิ้มตอบอย่างมีความสุข

ลำยองในปัจจุบัน ยิ้มอย่างยากลำบาก น้ำตาไหล ภาพอดีตแต่ละช่วงซ้อนเข้ามา ลำยองเอาขนมครกให้สันต์ที่ท่าเรือ, ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน และ ได้เสียกันที่โรงลิเกแห่งนี้
ลำยองน้ำตาไหลพราก จนรวมกับเลือดที่ไหลออกทุกทวารของร่างกาย ตัวเกร็งด้วยความเจ็บปวดทรมาน
"แม่"
นัยน์ตาลำยองเหมือนรับรู้ ได้สติ ได้ยินเสียงลูก มือไม้ไขว่คว้า วันเฉลิมวิ่งเข้ามาประคองแม่ไว้ในอ้อมแขน สันต์เข้ามานั่งอยู่ข้างๆ
"แม่ครับ วันอยู่นี่แล้วครับแม่"
"ลำยอง"
ลำยองมองหน้าลูกชายแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองหน้าสันต์ พยายามจะพูดบางอย่างอย่างยากเย็นและแผ่วเบา
"...คะ...คะ...คิดถึง"
สันต์เอื้อมมือไปจับมือลำยองเอาไว้
"ลำยอง"
จู่ๆลำยองก็ชัก มือหงิกงอ ร่างกายกระตุกอย่างแรงในทุกส่วน เลือดกระฉอกออกจากปาก
"แม่! แม่เป็นอะไร แม่ทำใจดีๆไว้นะครับ"
วันเฉลิมล็อกตัวลำยองไว้แน่น ลำยองตาเหลือก เหลือแต่ตาขาว ร้องโหยหวนเสียงดัง วันเฉลิมรวบมือทั้งสองข้างของลำยองมาประสานที่อก
"นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่ นึกถึงพุทธคุณไว้"
ลำยองเกร็งไปทั้งตัว วันเฉลิมพยายามจับมือแม่ให้อยู่ในท่าพนมมือให้ได้ วันเฉลิมน้ำตาร่วงพรู
"นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่"
ในนาทีสุดท้ายของความเจ็บปวด ภาพอดีตระหว่างแม่กับลูกผ่านเข้ามา
ลำยองหลังคลอดไม่ยอมเลี้ยงลูก, เธอตีวันเฉลิมด้วยความโกรธ, วันเฉลิมเอาเงินให้แม่, ขอร้องลำยองให้เลิกกินเหล้า, วันเฉลิมไปตามลำยองถึงในบ่อน, ส่งข้าวส่งน้ำให้แม่ในคุก, เช็ดตัวตอนลำยองไม่สบาย, เข็นรถเข็นพาลำยองย้ายบ้าน, วันเฉลิมบวชเณร ลำยองอุตส่าห์ถ่อสังขารมาบวชลูก, ลำยองตักบาตรเณรได้วันเดียว,เณรวิ่งไล่จับตัวลำยองและห่อตัวลำยองไว้ด้วย จีวร
ลำยองอาการสงบลงมาก ตายังจับจ้องที่วันเฉลิม น้ำตาไหลเอ่อออกมา ช่วงลมหายใจสุดท้ายของการได้แสดงความรักต่อลูก วันเฉลิมน้ำตานองไม่แพ้กัน
"แม่"
ลำยองเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของวันเฉลิม เพราะประสาทรับรู้ค่อยๆดับลง เธอพยายามเอื้อมมือไปลูบแก้มลูก แต่วันเฉลิมรวบมือแม่ไว้กุมพนมไว้ในมือตัวเอง
ลำยองเหมือนเกิดรอยยิ้มขึ้นเพียงเสี้ยวขณะ แต่ช่วงเวลานี้ช่างสั้นเหลือเกิน รอยยิ้มคลายลงเป็นหน้าที่เรียบ นิ่ง เฉย พร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆหยุดลง และตายังคงลืมไม่ปิดสนิท
วันเฉลิมกอดแม่ไว้แน่น สันต์น้ำตาไหลพราก
เวลาเย็น โลงศพถูกตั้งไว้กลางศาลา ในบรรยากาศเรียบง่ายไม่มีความฟุ่มเฟือย บนศาลาตั้งศพไม่มีการตกแต่งใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายผู้ตาย หน้าที่ตั้งศพ มีเพียงพระพุทธเท่านั้น กับดอกไม้พื้นๆในแจกันเท่านั้น ปั้น, สันต์ ไหว้ศพกันอยู่
"หมดเวรหมดกรรมเสียทีลำยองเอ้ย...ข้าอโหสิกรรมให้เอ็งนะ อะไรที่เคยล่วงเกินกัน ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจกันก็ขอให้แล้วกันไป อย่าให้ผูกพันกันไปในชาติไหนๆอีกเลย"
ปั้นปักธูปลงในกระถาง
"ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้วนะลำยอง ขอให้ลำยองได้ไปในที่สงบ" สันต์บอก
สันต์ปักธูปลงในกระถาง วันเฉลิมนั่งซึมนิ่งอยู่มุมหนึ่ง ชุด ลำยง ลำดวน ช่วยกันจัดอาสนะ ข้าวของถวายพระที่จะลงสวดตอนค่ำ สันต์ได้แต่มองลูกชายอยู่ไกลๆ

ตอนกลางคืน
"ญาติพี่น้องก็ไม่ได้มีที่ไหนอีก สวดสามวันแล้วเผาเลยแล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ" หลวงตาปิ่นบอก
สันต์ เทวี ยกมือไหว้รับรู้ วันเฉลิมนั่งซึมเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้น
"แล้วตัวเอ็งจะเอายังไงไอ้วัน...มึงจะมัวมานั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลยไม่ได้นะ อีกสองวันก็จะเผาแม่เอ็งแล้ว ตัวเอ็งจะเอายังไง"
"วันไม่รู้ครับหลวงตา"
หลวงตาปิ่นถอนใจ
"วัน...ชีวิตลูกไม่ได้จบไปพร้อมกับแม่เขาหรอกนะ คิดถึงวันข้างหน้าของตัวเองบ้าง"
"วันจะอยู่กับยาย หาเลี้ยงยายกับน้องๆครับ"
สันต์อึ้ง
"วัน...ยายกับน้องๆน่ะ ปล่อยให้ยายกับน้าๆเขาช่วยเลี้ยง ช่วยดูแลไปเถอะ อาว่าวันน่าจะย้ายไปอยู่กับอา แล้วก็เรียนหนังสือ เตรียมตัวไปสอบเข้าเรียนต่อปีหน้าไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ" เทวีบอก
วันเฉลิมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเทวี มองสันต์ แล้วค่อยๆหันไปมองโลงศพที่ตั้งอยู่ไกลๆ นิ่งและนาน
สันต์กับเทวีสบตากัน ลุ้นเดาความคิดของวันเฉลิม
วันเฉลิมค่อยๆหันกลับมามองหลวงตาปิ่น
"หลวงตาครับ วันอยากบวชอีกครั้งครับ"
สันต์กับเทวีได้ยินเต็มหัวใจ
"พรุ่งนี้ให้วันบวชหน้าศพแม่ได้ไหมครับ"
หลวงตาปิ่นเอื้อมมือมาแตะหัววันเฉลิม สัมผัสแผ่วเบาของหลวงตาปิ่น ทำให้วันเฉลิมน้ำตาร่วง จิตวิญญาณของเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

วันใหม่ ภายในบ้านแลซึ่งมืดสลัว ไม่เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว ยายแลนั่งอยู่ที่มุมสุดห้อง โยกตัวไปมา สติเหมือนไม่อยู่กับตัว
"กูผิดเอง...กูเลี้ยงมึงมาไม่ดี อีลำยอง กูอยากให้มึงตายห่าไป จะได้ปลดห่วงให้หลานกูขึ้นมาจากนรก แล้วมึงก็ตายไปแล้วจริงๆอีลำยอง แต่ทำไมมึงไม่ชิงตายไปก่อนหน้านี้ พ่อมึงจะได้ไม่ต้องมารับกรรม กูไม่ได้ตั้งใจนะไอ้ปอ กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงตายเลย"
ยายแลร้องไห้สลับกับหัวเราะ วนเวียนอยู่กับบาปที่ตัวเองสร้างมากับมือ
สันต์เดินเข้ามากับลำยง หยุดยืนดูสภาพของยายแลอย่างสลดใจ
"ตั้งแต่พ่อตายก็เป็นแบบนี้แหละพี่สันต์ พอพี่ลำยองตายไปอีกคนอาการก็หนักข้อขึ้น เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน แม้กระทั่งงานศพ ท่าจะเลอะตามพ่อแกไปอีกคน พี่เข้าไปดูเองแล้วกัน ฉันไปที่วัดก่อนนะ"
ลำยงเดินออกไป สันต์เดินเข้ามาในบ้าน
"น้าแล"
ยายแลยังคงนิ่ง สันต์เอื้อมมือไปแตะหัวเข่า
"น้าแล"
ยายแลค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
"ใคร"
"ผมสันต์ไงครับ"
ยายแลเหมือนนึกอยู่อึดใจแล้วจึงค่อยจำได้
"เมียเอ็ง นังลำยองมันตายแล้ว ไอ้ปอก็ตายแล้ว"
"ผมรู้แล้วครับ วันนี้บ่ายๆวันจะบวชให้แม่ของเขาครับน้าแล"
"หลานข้าต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ แต่ข้ายังไงก็ต้องตกนรก"
"พูดอะไรอย่างนั้นน้าแล ไม่มีใครตกนรกที่ไหนหรอก"
"ข้านี่แหละ...จำที่ไอ้ปอมันกินข้าวคลุกยาเบื่อหนูเข้าไปได้ใช่ไหม ความจริง ข้าตั้งใจจะซื้อมาเบื่อนังลำยองมัน"
สันต์ตกตะลึง
"น้าแล"
ยายแลน้ำตาไหล
"ข้าตั้งใจจะเอาให้นังลำยองมันกิน จะได้ไม่ต้องอยู่ถ่วงลูกมันให้ต้องทนทุกข์ ข้าตกลงใจยอมตกนรก แต่นรกมันก็ช่างกระไร เอาไอ้ปอไปแทน ทำไมนังลำยองมันไม่ตายเร็วกว่านี้ ไม่งั้นข้าก็คงไม่ต้องทำอย่างนี้...ข้าไม่เคยบอกใครเลยนะ บอกเอ็งเป็นคนแรกนี่แหละ ถ้าไอ้วันมันบวชอีก เอ็งช่วยสงเคราะห์น้องๆ มันด้วยนะ ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก...อย่าให้ไอ้วันมันต้องสึกออกมาเลี้ยงน้องมันอีก เลย"
ยายแลร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา สันต์ได้แต่กุมมือแลไว้ให้กำลังใจ

เวลาบ่าย หลวงตาปิ่นขลิบผมกลางกระหม่อมให้วันเฉลิมเป็นคนแรก แล้วส่งกรรไกรต่อสันต์
"แม่เอ็งไม่มาจริงๆเหรอลำยง"
"แกบอกว่าเดินไม่ไหวจ๊ะหลวงลุง จะรอตักบาตรหน้าบ้านเอา"
สันต์ชะงักนิดนึงเพราะรู้สภาพจิตใจของยายแลดี ขลิบผมให้วันเฉลิมแล้วส่งกรรไกรต่อให้เทวี
เทวีขยับเข้ามาขลิบผมต่อ วันเฉลิมตั้งจิตแน่วแน่ให้ทุกขณะจิตเป็นกุศลแก่แม่ สายตามองไปทางที่ตั้งศพของลำยอง
เวลาเย็น โลงศพถูกดันเข้าเตาเผา แล้วช่องประตูถูกปิด ไฟกำลังเริ่มไหม้โลงศพจนคุโชน ที่หน้าเมรุ ทุกคนยืนสงบนิ่งทอดอาลัย
ท้องฟ้าหม่น พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ควันลอยเอื่อยๆออกทางปล่องเมรุ

วันใหม่ เวลากลางวัน ยายแลในสภาพทรุดโทรม นั่งตัวงอกอดเข่าอยู่ในมุมมืดๆสลัวๆ เณรวันเฉลิมเดินเข้ามาถึงในบ้าน
"โยมยาย"
ยายแลค่อยๆหันมามอง ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
"เณร ใครๆเขาพ้นเวรพ้นกรรมไปนานแล้ว แต่ยายยังต้องทรมานใจต่อไป"
"โยมยาย บุญกุศลทั้งหมดที่เกิดจากการบวชครั้งนี้ ผมอุทิศให้โยมยายครับ"
"ทำไมให้ยาย ให้แม่เอ็งไปเถอะ เอามายกให้ยายทำไม"
"เพราะผมเข้าใจว่าโยมยายคิดอะไร ทำอะไร"
"เณรรู้เหรอ"
ยายแลสะอื้น เช็ดน้ำตา
"ที่จริงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมเป็นต้นเหตุ โยมยายรักผม และหวังดีกับผมมากเกินไป ทุกคนอยากให้ผมหมดภาระทางกาย แต่มันเท่ากับเพิ่มภาระทางใจให้กับผม และใจทุกคน โยมยายสบายใจเถอะครับ เวรกรรมของโยมยายกับโยมตามีร่วมกันมาถึงได้เป็นอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมก็เกิดจากกรรมของผมเอง โยมยายอย่ากังวลใจให้มากไปเลย อนาคตของผมอยู่ที่ผ้าเหลือง ผมจะบวชให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่ำเรียนให้มากที่สุด และสูงที่สุด ส่วนกุศลทั้งหมดผมของอุทิศให้โยมยายครับ"
ยายแลน้ำตาอาบหน้า ก้มลงกราบสามครั้งด้วยหัวใจปิติ หลุดพ้นความทุกข์ทรมาน ปลดปล่อยพันธนาการที่รัดตัวเองออกไปได้ชั้นหนึ่ง

เรือนแพปั้น
"แม่คะ แม่ย้ายไปอยู่ซะด้วยกันกับหนูเลยนะคะ"
"นั่นสิครับแม่ บ้านนี้ก็ยกให้ลำยงกับลำดวนเขาทำมาหากินกันแล้ว แม่ไปอยู่กับผมดีกว่า ให้ผมได้ดูแลแม่บ้าง"
"แม่อยู่นี่แหละ มันชินซะแล้ว อยู่มาทั้งชีวิตจะให้ย้ายที่ยังไง"
"แต่แม่จะเหงานะคะ"
"ไม่เหงาหรอก มีอะไรให้ทำถมไป อยู่นี่จะได้คอยใส่บาตรเณร วันพระจะได้ไปถือศีลแปดที่วัด ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ว่างๆก็พาหลานๆมาหาแม่บ้างแค่นั้นก็พอ"
ปั้นยิ้มสงบ สันต์กับเทวีไม่มีความกังวลใจ

กุฏิหลวงตาปิ่น
"ผมว่าจะไม่ไปเรียนที่วังน้อยหรอกครับ จะเรียนที่มหาจุฬาฯนี่แหละ จะได้อยู่ใกล้ญาติพี่น้องด้วย" เณรบอก
"ก็ดีเหมือนกันเณร จะได้สอบเทียบมัธยมต้นปลายเสียเลย พอเณรสึกจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย"
"ผมยังไม่คิดจะสึกหรอกครับ ถ้าจะเรียนระดับอุดมศึกษา ผมจะเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์"
"ทางการเขาไม่เทียบปริญญาให้นะเณร คงอีกนานกว่า ก.พ. จะรับรองเทียบวิชาความรู้ให้ ถ้าสึกจะไม่ได้วุฒิไปทำงาน ก็เข้ากับแค่จบมัธยมปลายที่สอบเทียบไว้เท่านั้นนะ"
"ไม่เป็นไรครับ เพราะผมอาจจะไม่สึกเลยก็ซ้ำ"
สันต์กับเทวีมองหน้ากัน ไม่เกิดความกังวล เพราะทุกอย่างแล้วแต่เณร

เวลาผ่านไปหลายปี พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น แสงสีอ่อนๆยามเช้า พระภิกษุหนุ่มเดินอุ้มบาตรอย่างสงบเท้าเปลือยเปล่า เดินมาตามถนน ทุกอย่างก้าวเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยการเจริญสติ
"คุณยายขา พระมาโปรดถึงหน้าบ้านแล้วค่ะ คุณยายเร็วๆสิคะ"
วิมลที่แก่ลงอีกหน่อย แต่ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิมก้าวออกมาจากบ้าน สมฤดีในวัยรุ่นสาวรีบขยับเข้ามารับยายวิมล
"นิมนต์ด้วยค่ะหลวงพี่"
พระหยุดคอยที่หน้าบ้าน ก้มหน้าอย่างสงบเคร่งครัด สมฤดีพาวิมลออกมา ตักบาตรจนเสร็จ
พระให้พร

อ่านละครเรื่อง ทองเนื้อเก้า วันที่ 13/2 พ.ย. 56

ละครทองเนื้อเก้า บทประพันธ์โดย : โบตั๋น
ละครทองเนื้อเก้า บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
ละครทองเนื้อเก้า กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครทองเนื้อเก้า ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ละครทองเนื้อเก้า ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา โสภณ
ละครทองเนื้อเก้า ละครแนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครทองเนื้อเก้า ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา เดลินิวส์